Page 7 - Top Executive Sharing
P. 7
5
ผมมารับราชการช้า โดยมารับราชการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2529 รวมอายุราชการของผม
เป็นระยะเวลา 33 ปี ผมจบการศึกษาในระดับปริญญาโทเมื่อปี 2526 ทั้งนี้ผมทํางานตั้งแต่ผมยังไม่จบ
การศึกษา ผมใช้เวลาเรียนในระดับปริญญาโทเป็นระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน เพราะว่าไม่มีเงินเรียน จึงจะต้องไป
สมัครทํางานกับ สํานักงาน ป.ป.ส. โดยการทําวิจัยเพื่อหาเงินเรียน ในงานวิจัยเป็นการศึกษาเด็กและเยาวชน
ที่สูดสารระเหยซึ่งงานวิจัยก็ดังมากในช่วงนั้น การศึกษาวิจัยมีทีมศึกษาทางภาคเหนือและผมศึกษาในพื้นที่ กทม.
ผมศึกษาจํานวนกับสาเหตุและเสนอโมเดลขึ้นมาใหม่ สํานักงาน ป.ป.ส. ก็เชื่อว่าผมจะทําได้ แต่สุดท้ายผมหา
จํานวนไม่สําเร็จ ในระหว่างที่เสนอบัณฑิตวิทยาลัยจะทําวิทยานิพนธ์ก็เอาหัวข้อวิจัยของ สํานักงาน ป.ป.ส.
แต่เอาจํานวนออกโดยเป็นการศึกษาเพื่อหาสาเหตุของเด็กสูดดมสารระเหยเสนอบัณฑิตวิทยาลัย บัณฑิตวิทยาลัย
เห็นชอบในหัวข้อเรื่องดังกล่าว โดยสมัยก่อนไม่ได้ห้ามให้นํางานวิจัยมาเป็นวิทยานิพนธ์ เมื่อเขารับหัวข้อเรื่อง
ในส่วนของงานวิจัยของผมก็เกือบเสร็จแล้ว ซึ่งผมจะจบรับปริญญาพร้อมกับรุ่นพี่รุ่น 2 รุ่น 3 ผมรุ่นที่ 4
รุ่นน้องผมก็จะมี ดร.จุฑารัตน์ เอื้ออํานวย, อาจารย์ ดร.ศรีสมบัติ โชคประจักษ์ชัด รุ่นน้องไล่ตามกันมา
ส่วน ดร.อัญฉราพรรณ จรัสวัฒน์ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ติดกันก็ทันกัน อันนี้รับปริญญาพร้อมกัน ก็ถือว่าผมสําเร็จ
การศึกษาเร็ว
อันนี้พอมาปฏิบัติงานราชการในส่วนกลางก็ทําอะไรเยอะ เช่น แต่งเพลงมาร์ช อสค. ให้กับกรมคุมประพฤติ
เป็นคนที่ทําคู่มืออาสาสมัครคุมประพฤติเล่มแรก ให้กับกรมคุมประพฤติ ว่าสืบเสาะได้ทําอะไรสอดส่องได้ทํา
อะไร ขั้นตอน 1, 2, 3, 4, 5 เป็นเลขานุการคณะทํางานได้ทําเรื่องนี้ ได้เป็นหัวหน้าฝุายวิชาการและแผนงาน
ท่านกรรณิการ์ แสงทอง ดํารงตําแหน่งเลขานุการกรม ในช่วงระหว่างปี 2535-37
โดยท่านสุวิทย์ คุณกิตติ มาดํารงตําแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อท่านดํารงตําแหน่งเรียบร้อย
ก็นัดประชุมหัวหน้าส่วนราชการในสังกัด ในตอนนั้นก็มีสํานักส่งเสริมงานตุลาการ มีกรมคุมประพฤติ กรมบังคับคดี
และก็มีสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน รวมถึงสํานักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ท่านรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงยุติธรรมจะถามว่า “ท่านอธิบดีมีงบประมาณพอหรือไม่” ซึ่งในตอนนั้นในส่วนของกรมคุมประพฤติ
กรมเดียวที่แจ้งว่างบประมาณไม่เพียงพอ เนื่องจากวันนั้นท่านอธิบดีไม่ได้ไปร่วมประชุม ซึ่งตอนนั้นอธิบดี
กรมคุมประพฤติเป็นท่าน มรว.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ มอบหมายให้ท่านกรรณิการ์ แสงทอง ไปประชุม
และผมซึ่งเป็นหัวหน้าฝุายแผนก็ติดตามท่านกรรณิการ์ไปด้วย ในช่วงเวลาประชุมท่านสุวิทย์ฯ ถาม ผมก็ชิงพูดก่อนว่า
“กรมคุมประพฤติงบประมาณไม่เพียงพอด้วยที่เราบริหารอย่างไร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมเสมอภาพเท่าเทียม
บ้านคนรัฐมนตรีอาศัยอยู่จังหวัดขอนแก่น โดยคนจังหวัดขอนแก่นไม่เหมือนกับคนจังหวัดร้อยเอ็ด คนจังหวัดขอนแก่น
ต้องไปติดคุกที่จังหวัดร้อยเอ็ด เนื่องจากจังหวัดขอนแก่นไม่มีสํานักงานคุมประพฤติ”เราจึงคิดว่า
สํานักงบประมาณควรจัดสรรงบประมาณให้ได้ไหม และให้เราจัดทําคําขอจัดสรรงบประมาณขึ้นมา โดยเรามี
การจัดทําเอกสารขอจัดสรรงบประมาณให้เสร็จภายในสี่โมงวันนั้น ทั้งที่ได้ประชุมตั้งแต่บ่ายสองโมงกว่าแล้ว
ผมไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์แบบนี้ ต้องใช้คัดเตอร์ตัดๆ และแปะๆ แล้วถ่ายเอกสารไปส่งให้สํานักงบประมาณ
ได้เงินงบประมาณเพิ่มขึ้นมาเยอะจาก 30 ล้านบาทเป็น 50 กว่าล้านบาท
ในตอนนั้นท่านสุวิทย์ต้องการทีมงานหน้าห้องรัฐมนตรี โดยสํานักงานรัฐมนตรีมีคนน้อย ก็ขอให้คนของ
กรมบังคับคดีและกรมคุมประพฤติมานั่งปฏิบัติงานอยู่ หากมีปัญหาอย่างไรจะได้ประสานผ่านตัวแทนกรม
ที่มานั่งอยู่ทุกกรมให้ส่งมา กรมคุมประพฤติไม่ต้องส่งคนมาท่านชี้มาที่ผมเลย ให้เอาคนที่มาชี้แจงวันนั้นมาทํางาน
ผมก็มาทํางานที่สํานักงานรัฐมนตรีและเป็นกําลังหลักให้กับรัฐมนตรี
พอหมดสมัยท่านสุวิทย์ฯ ก็มีท่านสไว พัฒนโน เป็นรัฐมตรีในช่วงต่อไป ก็ขอผมให้ไปปฏิบัติงานอีก
โดยไม่มีรัฐมนตรีเป็นคนขอแล้วแต่เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมขอจากภายในหน่วยงานมาปฏิบัติราชการ
ไปจนถึงในช่วงท่านเฉลิม อยู่บํารุง ดํารงตําเหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถัดไปเป็นท่านไสว พัฒโน
และท่านสุวิทย์ คุณกิตติกลับมาดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอีกรอบหนึ่ง