Page 8 - Top Executive Sharing
P. 8
6
ในช่วงนั้นผมรู้สึกเบื่อในภารกิจดังกล่าว เนื่องจากระหว่างที่ผมปฏิบัติงานที่กรมคุมประพฤติ
ผมได้รับผิดชอบในการเป็นวิทยากรนําเกมส์ นําการสันทนาการได้ ผมสามารถวางแผนการละลายพฤติกรรม
ของคนได้ว่าให้คนไปมูฟเมนท์แบบไหน ผมสามารถสร้างกราฟได้ ผมยังเป็นพิธีกรมือหนึ่งของกระทรวงยุติธรรม
ในขณะนั้น ชื่อเสียงผมก็ดังจนถึงมีงานอะไรก็จะให้ไปเป็นพิธีกร ผมรู้สึกว่าผมดังช่องทางนี้มันไม่ใช่แล้ว ผมก็เลย
ต้องฝึกคนเพื่อทําหน้าที่พิธีกร เช่น ฝึกอาจารย์จุฑารัตน์ เอื้ออํานวย, ฝึกคุณเกตุศิริตอนนี้เป็นผู้อํานวยการ
ศาลอุทธรณ์, น้องอีกคนชื่อคุณจรินทร์ซึ่งโอนไปกรมบังคับคดีแล้วลาออกไปแล้ว คนสุดท้ายเลยและผมก็ได้ทํา
คู่มือทิ้งไว้ให้คือ คุณชัยวัฒน์ ร่างเล็ก ที่กรมคุมประพฤติ เป็นคนสุดท้ายที่ผมฝึกให้ และผมก็ไม่รับงานพิธีกรอีก
ในอีกบางส่วนเขาก็รู้ว่าผมเก่งเรื่องวิชาการเรื่องแผนและยุทธศาสตร์ เขาก็ให้ผมมาทําในเรื่องนี้ อยู่กับรัฐมนตรี
ก็รู้สึกว่าผมทําอะไรตั้งเยอะแยะที่นโยบายผ่านการสั่งการของรัฐมนตรี สั่งผ่านปลัดกระทรวงยุติธรรมอะไรไป
แต่ที่กรมคุมประพฤติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เป็นครั้งแรกที่ตั้งใจมาทํางานราชการแล้วผมรู้สึกเบื่อกระทรวงยุติธรรม
ก็เลยต้องทิ้งกรมแล้วสละเรือ
ผมก็แอบไปพบอธิบดีกรมสามัญศึกษา และขอให้ท่านช่วยรับผมไปเป็นครูหน่อยมีเรื่องที่อยากทําหนึ่ง
สองสามสี่ห้า โดย ดร.สมจิตนา ภักดิ์ศรีวงศ์ อธิบดีในขณะนั้นก็มีความสนใจต่อผมมาก ก็เลยรับโอนเลยแล้วให้
ผมไปฝึกอบรมผู้บริหารสถานศึกษาระดับสูง ของกรมสามัญศึกษา มีเพื่อนที่ร่วมฝึกอบรมด้วยจํานวน 210 คน
โดยฝึกอบรมเป็นระยะเวลา 1 เดือนจนมีหนังสือทาบโอนมา ท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมจึงได้รู้ว่าผมกําลังจะไป
ท่านก็เชิญให้ผมมาพบและบอกว่าไม่อยากให้ผมไปเพราะอยู่ระหว่างที่แยกศาลกับกระทรวงยุติธรรม
โดยรัฐธรรมนูญปี 2540 จะมีการแยกศาลออกจากกระทรวง ไม่มีคนทําเรื่องแยกศาลกับกระทรวง ขอให้ผมอยู่ต่อ
จ่าศาลก็ทําไม่ได้ไม่มีคนทํางาน ผมเองต้องรักษาความสัมพันธ์สองส่วน ส่วนที่ 1 ผมจะไปบอกอธิบดีกรมสามัญอย่างไร
และผมจะไปบอกครูที่โรงเรียนเตรียมอุดมน้อมเกล้าอย่างไร เพราะไปเช็ดโต๊ะไว้หมดแล้วอีก 19 วันจะเดินทาง
ใช้เงินของเขากินนอนโรงแรมเป็นเดือนของกระทรวงศึกษาจะทําอย่างไร มีทางเดียวจะต้องปฏิเสธ
ปลัดกระทรวงยุติธรรม ท่านสุประดิษฐ์ หุตะสิงห์ จะปฏิเสธอย่างไรที่จะทําให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมไม่โกรธเรา
ผมจะต้องคิดใหญ่อย่างเดียวถ้าท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมอยากให้ผมอยู่ ผมก็จะขอทําเรื่องมาตรฐานกลาง
ศาลทั่วประเทศ คือ การวางมาตรฐานกลางทั่วประเทศ โดยผมใช้เครื่องมือคุณภาพขององค์กร Total Quality
Management มาใช้เพื่อให้ศาลได้ ISO 9002 ที่พูดมานี่ “ความรู้ที่ใช้เท่ากํามือแต่ความรู้ของผมเท่านิ้วก้อย”
สิ่งที่พูดทุกอย่างดีหมด ท่านก็ถามว่ารู้ไหมแต่ผมบอกว่าไม่รู้เพราะเราไม่อยากอยู่แล้ว จะทําได้อย่างไร คือ
ผมตอบว่า “ไม่เห็นจะต้องรู้เลย ท่านผมแค่เป็นคนจัดการ” ก็หาผู้ที่รู้มาทําใช้เงินเยอะไหม 3,500,000 บาท
โดยงบประมาณ 3,500,000 บาท ไม่ได้อยู่ในงบประมาณปกติ และไม่ได้อยู่ในแผนงานงบประมาณ
ทั้งนี้ เพื่อให้ท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมปฏิเสธเพื่อให้ผมจะได้ไปเป็นครู ผ่านไป 7 วันท่านกลับมาแจ้งว่าหาเงิน
ได้แล้วลมแทบใส่ จึงไปกราบอธิบดีกรมสามัญว่าไปที่โรงเรียนไม่ได้และขอโทษครูบาอาจารย์ที่ได้มีการวางแผน
ทํางานร่วมกัน
จึงเป็นที่มาของการทํางานที่กระทรวงยุติธรรม ที่กระทรวงยุติธรรมท่านปลัดกระทรวงยุติธรรม
ก็ตั้งหน่วยงานเพื่อรองรับงานผม ในชื่อสํานักงานพัฒนาระบบงานศาล ทีมของผมพิเศษมากเลยเป็นคนที่จะถูก
ไล่ออกจากราชการ ตื่นสายสิบโมง น้ําท่าไม่อาบ วันๆ อ่านหนังสือการ์ตูน กลางคืนไม่นอนก็เอามาช่วยทํางาน
ผมบริหารคนบนจุดแข็ง ไม่บริหารบนจุดอ่อน ใครเก่งด้านไหนก็ใช้จุดนั้น ผมใช้เวลา 2 ปี เตรียมแยกศาล
แยกกระทรวงยุติธรรมสําเร็จ และทําให้ศาลจังหวัดนครราชสีมาได้ ISO 9002 สามารถใช้มาตรฐานกลางทั่วประเทศ
สําเร็จได้หมด ออกแบบซอฟต์แวร์ศาลจนสามารถได้ใบรองหรือใบบังคับคดีหมายแดงหมายเขียว หมายฟูา
หมายเหลือง ออกได้หมดพัฒนาทั้งระบบเลย ทําได้เสร็จทํางานกับศาลในเรื่องสําคัญหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องแผน