Page 15 - กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
P. 15
๘
ñ.õ ¹ÔÂÒÁÈѾ·
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑ บัญญัติวา
“ในประมวลกฎหมายนี้ ถาคําใดมีคําอธิบายไวแลว ใหถือตามความหมายดังไดอธิบายไว
เวนแตขอความในตัวบทจะขัดกับคําอธิบายนั้น” จากบทบัญญัติดังกลาว จะเห็นไดวา คําใดที่ประมวล
กฎหมายนี้ไดมีคําอธิบายไวแลวก็ใหถือเอาความหมายตามที่ประมวลกฎหมายนี้ไดอธิบายความเอาไว
ในคํานิยามศัพท เวนแต กรณีขอความในตัวบทกฎหมายจะขัดกับคําที่ไดอธิบายไวในคํานิยามศัพท
ก็ใหถือความหมายที่ปรากฏในตัวบทนั้นเอง
ดังนั้น จึงกลาวไดวา คํานิยามศัพทจึงเปนคําที่แสดงความหมายตางๆ ที่ใชในประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฉบับนี้ ซึ่งอาจมีความหมายที่ไมตรงกับความหมายตามปกติธรรมดา
นั้นเอง อยางไรก็ตาม หากมีถอยคําใดที่ปรากฏมาในคดีความและถอยคํานั้น ๆ ไมไดมีคํานิยามไว
หากมีปญหาใหใชความหมายที่ปรากฏในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานในการตีความคํานั้นแทน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒ ใหความหมายของคําตาง ๆ ดังนี้
(ñ) ÈÒÅ หมายความถึง “ศาลยุติธรรมหรือผูพิพากษา ซึ่งมีอํานาจทําการอันเกี่ยวกับ
คดีอาญา”
จากความขางตน คําวา “ศาล” จึงมีความหมาย ๒ อยาง
๑. ศาล คือ ตัวศาล หรือสถาบันศาล ซึ่งเปนอาคารสถานที่ตั้ง หรือที่ทําการ
ของศาล
๒. ผูพิพากษา คือ ตัวบุคคลที่ไดรับการแตงตั้ง ซึ่งอาจเปนนายเดียว หรือองคคณะ
ผูพิพากษา ซึ่งมีอํานาจทําการเกี่ยวกับคดีอาญา
ศาลยุติธรรมแบงออกเปน ๓ ชั้น คือ
ñ. ÈÒŪÑé¹μŒ¹ เปนศาลที่คูกรณีเริ่มตน ในการฟองรองดําเนินคดี ซึ่งในการดําเนิน
คดีอาญานั้น ศาลชั้นตนไดแก ศาลแขวง ศาลจังหวัด ศาลอาญา ศาลอาญากรุงเทพใต ศาลอาญาธนบุรี
และศาลยุติธรรมอื่นที่ไดมีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลนั้นกําหนดใหเปนศาลชั้นตน เชน ศาลเยาวชน
และครอบครัว
ò. ÈÒÅÍØ·¸Ã³ เปนศาลที่อยูในระดับสูงกวาศาลชั้นตน ซึ่งมีอํานาจพิจารณา
พิพากษาคดีที่ไดมีการอุทธรณคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลชั้นตน มีอํานาจพิจารณาพิพากษาบรรดา
คดีที่มีการอุทธรณคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลชั้นตน มี ๑๐ แหง ไดแก ศาลอุทธรณ ศาลอุทธรณ
ภาค ๑ - ๙
ó. ÈÒÅ®Õ¡Ò เปนศาลสูงสุดมีอํานาจพิจารณาพิพากษาบรรดาคดีที่อุทธรณ
คําพิพากษา หรือคําสั่งของศาลอุทธรณ ปจจุบันที่ศาลฎีกาเพียงแหงเดียว
(ò) ¼ÙŒμŒÍ§ËÒ หมายความถึง “บุคคลผูถูกหาวาไดกระทําความผิดแตยังมิไดถูกฟอง
ตอศาล” กรณีจะเปนผูตองหานั้น บุคคลนั้นจะตองถูกผูเสียหายกลาวหา โดยการรองทุกข
หรือบุคคลอื่นกลาวหาโดยการกลาวโทษ ซึ่งการที่จะรองทุกขหรือกลาวโทษนั้น จะตองกระทํา
ตอพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ หรือพนักงานสอบสวน แตทั้งนี้ยังมิไดถึงชั้นที่จะฟองรองตอศาล