Page 13 - กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
P. 13

๖




                                 ๕.  ¡ÒÃÍØ·¸Ã³ เมื่อศาลชั้นตนไดมีคําพิพากษาอยางไรแลว หากคูกรณี
              ฝายหนึ่งฝายใดไมเห็นดวยกับคําพิพากษาของศาลชั้นตนนั้้น  คูกรณีก็สามารถที่จะขออุทธรณ

              คําพิพากษาของศาลชั้นตนได แตตองเปนไปตามหลักเกณฑของกฎหมายในประมวลกฎหมาย
              วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๓ ถึง ๒๐๒

                                 ๖.  ¡ÒÃ®Õ¡Ò เปนขั้นตอนสุดทายของการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล เนื่องจาก
              คูกรณีฝายใดไมเห็นดวยกับคําพิพากษาของศาลอุทธรณ กฎหมายยังคงใหสิทธิแกคูกรณีที่จะยื่นฎีกา

              ตอศาลฎีกาไดอีกเปนศาลสุดทาย โดยจะตองเปนไปตามเงื่อนไขที่กําหนดไวในประมวลกฎหมาย
              วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๖ ถึง ๒๒๔ และเมื่อศาลฎีกามีคําพิพากษาเชนไรตองเปนขอยุติ

              คูกรณีจะตองยึดถือตามคําพิพากษาศาลฎีกา



                          ñ.ô.ó  ¢Ñé¹μ͹¡Òúѧ¤Ñº¤´Õ
                                 เมื่อศาลไดมีคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ¶Ö§·ÕèÊØ´ ไมวาดวยเหตุที่คูกรณียอมรับในคําพิพากษา

              นั้น ๆ โดยไมขออุทธรณหรือฎีกา หรือเพราะเหตุที่คดีนั้นไมเขาหลักเกณฑที่จะอุทธรณฎีกาไดก็ตาม

              เมื่อคําพิพากษาไดตัดสินใหลงโทษจําเลยในคดีนั้นอยางไร ก็จะตองบังคับคดีไปตามคําพิพากษานั้น ๆ
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18