Page 142 - การหาข้อมูลทางการตลาด
P. 142
142
1.2 ผลการศึกษาข้อมูลจากเอกสารต่างๆ จะทําให้มีความเชื่อมั่นในการทําวิจัยมากขึ้น เพราะทราบปัญหาที่
จะทําการวิจัยชัดเจนขึ้น ได้เรียนรู้วิธีการดําเนินการ ตลอดจนการใช้เครื่องมือใน การวัดและการเก็บข้อมูล
ซึ่งจะทําให้มีโอกาสพิจารณาปรับปรุงแก้ไขวิธีดําเนินงานและการใช้ เครื่องมือเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพ ตลอดจนการวางแผนที่จะใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์มากขึ้น 1.3 ผู้วิจัยสามารถดัดแปลง
เครื่องมือที่ใช้ในการวัด หรือข้อคําถามในแบบสอบถามที่ ได้ผ่านการทดสอบหาความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้
แล้ว มาใช้กับการวิจัยของตนจะทําให้เกิดความ มั่นใจในการสร้างแบบสอบถามที่ใช้ในการวิจัยของตนมากขึ้น
1.4 การสํารวจเอกสารต่างๆ จะทําให้ทราบว่า มีใครบ้างที่เป็นผู้เชี่ยวชาญหรือมี ประสบการณ์ในปัญหาที่
กําลังศึกษา เพื่อจะได้ขอคําปรึกษาแนะนําในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ปัญหาที่จะทําวิจัย อันจะเป็นแนวทาง
ที่จะทําให้การดําเนินการวิจัยเป็นไปด้วยดี มีคุณภาพและ ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. พิจารณาแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องที่จะวิจัย โดยให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ สมมติฐาน ตลอดจนตัว
แปรต่างๆ ในการวิจัยตามที่ได้กําหนดไว้ก่อนแล้ว โดยในการเริ่มต้นสร้าง แบบสอบถาม ผู้วิจัยควรจะได้
พิจารณาจัดหัวข้อย่อย ซึ่งครอบคลุมแง่มุมต่างๆ ของเรื่องที่จะทํา การวิจัยเท่าที่จะคิดได้ และเห็นว่าเป็นเรื่อง
ที่น่าสนใจและมีความสัมพันธ์กับเรื่องที่จะวิจัย เช่น ถ้า สนใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(ส.ส.) ก็จะพบว่ามีหัวข้อย่อยที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น ทัศนคติของประชาชนต่อการเลือกตั้ง การหาเสียงของ
ผู้สมัคร คุณสมบัติของผู้ที่จะ เป็น ส.ส. กฎหมายเลือกตั้ง บทบาทของพรรคการเมืองต่อการเลือกตั้ง
งบประมาณในการหาเสียง เป็นต้น
3. พิจารณาการใช้ลักษณะหรือรูปแบบคําถามชนิดใดกับรายการคําถามเหล่านั้น รูปแบบของคําถามที่นิยมใช้
กันมากในการวิจัย แบ่งออกได้เป็น 6 ประเภท คือ
3.1 คําถามที่มีคําตอบให้เลือก 2 ทาง (Dichotomous Questions) เป็นคําถามที่ กําหนดให้ผู้ตอบเลือกตอบ
เพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น เช่น “ปัจจุบันนักเรียนใช้ยาสระผมยี่ห้อ “ผมสวยจัง” หรือไม่”
1. ใช้
2. ไม่ใช้