Page 8 - โครงงานวิทย์
P. 8
1 –1.5 เซนติเมตร เพราะตาส่วนบนของกิ่งที่ปักช้าจะแตกก่อนตาที่อยู่ด้านล่าง และควรชุบสารเคมีป้องกัน
ไม่ให้เชื อราเข้าทางปากแผล แล้วจึงน้าไปปักช้าในกระบะปักช้าที่มีวัสดุพรางแสง รดน ้าเช้า – เย็น สังเกตดู
หากวัสดุเพาะช้าแห้งควรเพิ่มช่วงการให้น ้าถี่ขึ น เมื่อกิ่งปักช้าเริ่มมีการแตกตาเป็นยอดใหม่ รวมทั งระบบราก
ใหม่เริ่มแก่และแข็งแรงแล้วจึงท้าการย้ายต้นพืชใหม่ลงปลูกในภาชนะที่เตรียมไว้ ช่วงนี ควรน้าไปไว้ในร่มร้าไร
สักระยะหนึ่งก่อนจนกว่าพืชต้นใหม่จะแข็งแรงดีจึงให้รับแสงเต็มที่ พืชที่เหมาะจะใช้วิธีการขยายพันธุ์แบบ
นี ได้แก่ เฟื่องฟ้า กุหลาบ
1.2 การตัดช้ากิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน หรือกิ่งเพสลาด ต้องมีใบติดอยู่ด้วยเพื่อช่วยปรุงอาหาร โดยให้
ริดใบเฉพาะส่วนโคนกิ่งที่ต้องปักช้าในวัสดุเพาะช้าออกประมาณ 2 – 3 ใบ แล้วตัดปลายกิ่งและโคนกิ่งเฉียง
ท้ามุม 45 – 60 องศา ความยาวของกิ่งประมาณ 15 – 20 เซนติเมตร เนื่องจากกิ่งปักช้าจะมีการคายน ้า
ค่อนข้างสูง ดังนั นต้องมีการให้น ้าเพื่อให้เกิดความชื นตลอดเวลา หรือปักช้าในกระบะพ่นหมอกจะดีที่สุด
เนื่องจากมีความชื นสูง ควรดูแลและป้องกันเชื อราที่จะเข้ามาท้าลายกิ่ง หลังจากกิ่งปักช้าเจริญเป็นต้นพืชใหม่
และมีระบบรากแข็งแรงสมบูรณ์จึงย้ายปลูกต่อไป พืชที่เหมาะจะใช้วิธีการแบบนี ได้แก่ ส้ม ฝรั่ง มะกอก
1.3 การตัดช้ากิ่งอ่อนและยอดอ่อน การตัดช้าวิธีนี จะออกรากได้ง่าย ความยาวของกิ่ง
ประมาณ 3 – 5 นิ ว ริดใบบริเวณโคนกิ่งออกเล็กน้อย ควรปักช้าในที่มีความชื นสูงหรือกระบะพ่นหมอกพืช
ที่เหมาะจะใช้วิธีการแบบนี ได้แก่ เบญจมาศ เข็มญี่ปุ่น สน คาร์เนชั่น
2. การตัดช้าราก (Root cutting) การตัดช้ารากจะท้าได้ส้าเร็จหรือไม่ขึ นอยู่กับการเกิดตา ซึ่ง
จะให้ก้าเนิดต้นและรากบนรากของพืชที่จะน้ามาปักช้า พืชที่เกิดหน่อ ราก ได้แก่ สน แคแสด สัก สาเก
การตัดควรเลือกรากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ¼ – ½ นิ ว ตัดให้มีความยาว 2 นิ ว การตัดมักจะตัดตรง ๆ
การเกิดต้นค่อนข้างจะเกิดทางด้านโคนราก ส่วนการเกิดรากจะเกิดทางด้านปลายราก และการเกิดต้นจะเกิด
ได้เร็วกว่าการเกิดราก
3. การตัดช้าใบ (Leaf cutting) เป็นวิธีที่ใช้ขยายพันธุ์พืชพวกที่มีใบอวบน ้า โดยรากและยอดจะ
เกิดมาจากฐานรอยตัดของใบ โดยเฉพาะตรงที่อยู่ของเส้นใบหรือเส้นกลางใบ ซึ่งจะท้าให้ใบพืชเดิมที่ปักช้าอยู่
กลายเป็นส่วนหนึ่งของต้นใหม่ แบ่งออกได้เป็น 3 แบบ ดังนี
3.1 การตัดช้าแผ่นใบ การน้าแผ่นใบไปท้าการตัดช้าให้เกิดต้นใหม่ แบ่งเป็น 2 พวก
ใบที่เกิดตาอยู่ก่อนแล้ว ใบพืชพวกนี บริเวณของใบโดยเฉพาะที่เป็นจักใบของใบแก่จะมีจุด
ก้าเนิดตาอยู่แล้ว การน้าไปปักช้าเป็นการกระตุ้นตาที่มีอยู่แล้วเจริญออกมาเป็นต้นเท่านั น ได้แก่ ใบโคม
ญี่ปุ่นหรือต้นคว่้าตายหงายเป็น โดยการน้าใบแก่มาวางบนวัสดุเพาะช้าที่ชื น รดน ้าเป็นครั งคราวเพื่อไม่ให้ใบ
เหี่ยว ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ก็จะเห็นต้นเล็ก ๆ เกิดขึ นบริเวณจักใบ ขณะเดียวกันก็จะหยั่งรากลงหา
อาหารจากวัสดุเพาะช้า และเมื่อต้นโตมีใบ 2 – 3 ใบ ต้นเหล่านี ก็จะเริ่มแยกตัวเองและเลี ยงตัวเองได้โดย
อิสระ เป็นระยะเวลาที่เหมาะที่จะย้ายไปปลูกต่อไป ใบที่ยังไม่เกิดตา ใบพืชพวกนี ต้องตัดใบไปปักช้า
ระยะเวลาหนึ่งก่อน ใบจึงจะสร้างจุดก้าเนิดขึ นที่ฐานรอยตัดที่ปักอยู่ในวัสดุเพาะช้า ได้แก่ ใบว่านลิ น
มังกร จะเลือกใบที่แก่ ถ้าใบยาวมากเกินไปก็จะตัดออกเป็นท่อน ๆ ให้แต่ละท่อนยาว 3 – 5 นิ ว แล้ว