Page 23 - _____ 2 _______Neat
P. 23

การพัฒนาตน


                       ความกระหาย จูงใจใหเราดื่มน้ําหรือหาน้ํามาดื่ม หลังจากดื่มสมความตองการแลวแรงขับก็ลดลง
                       กลาวไดวา แรงขับผลักดันใหคนเรามีพฤติกรรมตอบสนองความตองการ เพื่อทําใหแรงขับลดลง

                       สําหรับที่รางกายจะไดกลับสูสภาพสมดุลอีกครั้งหนึ่ง

                                               แรงขับ แบงออกไดเปน 2 ประเภท คือ แรงขับปฐมภูมิ (Primary

                       Drive)  และ แรงขับทุติยภูมิ (Secondary  Drive)  แรงขับที่เกิดจากความตองการพื้นฐานทาง
                       ชีวภาพ เชน ความตองการอาหาร น้ํา ความตองการและแรงขับประเภทนี้ เกิดขึ้นเองโดยไมตอง

                       เรียนรู เปนแรงขับ ประเภทปฐมภูมิ สวนแรงขับทุติยภูมิเปนแรงขับที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู แรงขับ

                       ประเภทนี้เมื่อเกิดแลวจะจูงใจคนใหกระทําสิ่งตาง ๆ เพื่อตอบสนองความตองการอยางไมมีวัน

                       สิ้นสุด เชน คนเรียนรูวา เงินมีความสัมพันธเชื่อมโยงกับการสนองความตองการอาหาร ที่อยูอาศัย
                       และอื่น ๆ อีกมาก การไมมีเงิน จึงเปนแรงขับทุติยภูมิสามารถจูงใจใหคนกระทําพฤติกรรมตาง ๆ

                       เพื่อใหไดเงินมาตั้งแตการทํางานหนัก จนถึงการทําสิ่งที่ผิดกฎหมาย เชน การปลนธนาคาร ปลน

                       รานทอง ฉกชิงวิ่งราวทรัพย เปนตน

                                      2.2.1.3 ทฤษฎีการตื่นตัว
                                               ทฤษฎีการตื่นตัว (Arousal  Theory)  มนุษยถูกจูงใจใหกระทํา

                       พฤติกรรมบางอยาง เพื่อรักษาระดับการตื่นตัวที่พอเหมาะ (Optimal level of arousal) เมื่อมีระดับ

                       การตื่นตัวต่ําลง ก็จะถูกกระตุนใหเพิ่มขึ้น และเมื่อการตื่นตัวมีระดับสูงเกินไปก็จะถูกดึงใหลดลง

                       เชน เมื่อรูสึกเบื่อคน จะแสวงหาการกระทําที่ตื่นเตน เมื่อตื่นเตนเราใจมานานระยะหนึ่ง จะตองการ
                       พักผอน เปนตน คนแตละคนจะมีระดับการตื่นตัวที่พอเหมาะแตกตางกัน

                                               การตื่นตัว คือ ระดับการทํางานที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ระบบของ

                       รางกาย สามารถวัดระดับการทํางานนี้ไดจากคลื่นสมอง การเตนของหัวใจ การเกร็งของกลามเนื้อ

                       หรือจากสภาวะของอวัยวะตาง ๆ ขณะที่หลับสนิทระดับการตื่นตัวจะต่ําที่สุด และสูงสุดเมื่อตกใจ

                       หรือตื่นเตนสุดขีด การตื่นตัวเพิ่มขึ้นไดจากความหิว กระหายน้ําหรือแรงขับทางชีวภาพอื่น ๆ หรือ
                       จากสิ่งเราที่เขมขน รุนแรง เหตุการณไมคาดหวังไวกอน หรือจากสารกระตุนในกาแฟ และยาบาง

                       ชนิด

                                               การทํางานจะที่มีประสิทธิภาพสูง เมื่อมีระดับการตื่นตัวปานกลาง
                       ระดับการตื่นตัวที่สูงเกินไปจะรบกวนความใสใจ การรับรู การคิด สมาธิ กลามเนื้อทํางาน

                       ประสานกันไดยาก เมื่อระดับการตื่นตัวต่ํา คนเราทํางานที่ยากและมีรายละเอียดไดดี แตถาเปน

                       งานที่งายจะทําไดดีเมื่อระดับ การตื่นตัวสูง คนที่มีระดับการตื่น






                                                                                                       53
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28