Page 251 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 251
เนื้อความที่ ๒๑
ฝ่ายสองนางเทวีหน่อไท้นางเวียงไจยลับแลงแก้วกว้างก็ทะรงเครื่องเครื่องหย้องปองาม เหน็บปิ่นฅำ
ดารดาษสอดเกี้ยวกอดดอกไม้บุปผานานา ทั้งเกดถะวา สะบันงาเมืองใต้ ดอกป้าวขาวปอน ดอกขะจอน
หอมไก๋ สองนางไท้เทวีเวียงก็ทะรงเครื่องนุ่งงามสะง้า สว้านผ้าสองชั้น ผ้าตาฝั่งเครือไหม แลผ้าเครอไย
ื
แขกเทศ นางเวียงสุคันธาสว้านสีแดงกุมฅำ นางเวียงสรีปิมปาสว้านสีฅำจำปากุมยอดตอง งามผุดผ่อง
ส่องใส แลแม่นางเวียงก็ทะรงนุ่งซิ่นไหมไกปันฅำ แลนางทะรงสุบสายสะเทิ้มสร้อยสังวานม้าวแขนข้อมือ
นิ้วกุมสุบแหวนกุแม่งามดั่งนางเทวีอันลุกมาแต่ชั้นฟ้าเมืองบน แลกระบวนช้างม้าหนาหนำ ฝูงชาวฟ้อน
ั่
นางหลายหุมแห่ ยกย่างย้ายแอ่นแขนลีลาดั่งมฤคคาฟานหกโดด งามดั่งงวงช้างน้อยโกดแก้วแสง งามดง
แผงหางมยุระบังอันอ่อนไกว งามดั่งหางเล็นหางไหน่ฃอดบ้วงไหลปอนงาม ชาวปี่นนถีเปี๊ยะก๋องกังสะ
ดาร ตนทะรงช้างออกเลียบข่วงเดินเวียง ชาวคนทั้งหลายก็ชมชื่นช้อยโสมนัสยินดีมากนัก ทั้งเวียงแจ้งใส
หอมรื่น หอมหื่นลอยไกล ยังเรือนฅำชั้นฟ้า นั้นแล
ั
เป็นการกล่าวถึงการแต่งกายของนางสุคันธากับนางสรีพิมพา ซึ่งนางทั้งสองได้นำปิ่นทองทำมาประดบ
กับด้วยดอกไม้ทั้ง “เกดถะวา” คือ ดอกพุดซ้อน “สะบันงา” คือ ดอกกระดังงา และ “ดอกป้าว” สีขาว “ดอก
ขจร” ที่มีกลิ่นหอม นุ่งผ้างามสง่า “สว้านผ้า” คือ นำผ้ามาพาดเป็นสไบสองชั้น มี “ผ้าตาฝั่งเครือไหม” และ
“ผ้าเครือไยแขกเทศ” นางสุคันธา “สว้าน” ผ้าสีแดงสลับสีทอง ส่วนนางสรีพิมพา “สว้าน” สีจำปาสลับสีทอง
็
้
ส่วนผ้านุ่งเปน “ซิ่นไหมไกปันคำสีซิ่วหนาตาเหล้ม ต่อตีนจกกลายหงษาตัวฅำ มีปีกหงอนลงฟ้อนเหลน
กับจ่อนาคลายเครือ”
ประดับด้วยสร้อยสังวารที่แขนและข้อมือ สวมแหวนอย่างงดงาม
ในกระบวนการถวายตัวนั้นได้จัดกระบวนช้าง ม้า คนฟ้อนนำขบวนเป็นหมู่คณะมีลีลา “ดั่งมฤคคา
ี
ฟานหกโดด” คือ มีลลาอย่างเก้งกระโดดเดิน แล้วพรรณนาความงามของกระบวน
“ชาวปี่นนถีเปี๊ยะก๋องกังสะดาร” มีมหรสพนำขบวนคือ การประโคมกลอง พิณเปี๊ยะ ปี่ซอ
ทั้งสองนางประทับบนหลังช้างมาที่ “ข่วง” กลางเวียง ชาวเมืองก็ชื่นชมในความงามมากนัก
้
ิ
ตำนานพระเจ้ายอดคำทพย์ตอนนี้เป็นการบรรยายลักษณะการแต่งกายของชนชั้นสูงไดอย่างละเอียด
และประณีตที่สุด
การวิเคราะห์วรรณกรรมเมืองลับแล
หน้า ๑๐๑