Page 68 - หลักสูตร M1 ( Recruiting and Selection )
P. 68
Pacesetter
้
่
์
ํ
บางทีการพูดคุยกันเพือกาหนดว่าการสัมภาษณคืออะไรอาจช่วยให ้คุณเข ้าใจชัดเจนมากขึนว่ามีอะไรบ ้าง
็
่
ั
ทีนบเปนการสัมภาษณ์
่
่
์
การสัมภาษณไม่ใช่การบรรยาย สุนทรพจน์ หรือการรายงานข่าว บุคคลคนหนึงซึงก็คือผู้สัมภาษณน้น
์
ั
็
์
่
่
ไม่ควรจะเปนผู้พูดอยูฝายเดียวในการสนทนา ผู้ถูกสัมภาษณต ้องมีโอกาสเข ้ามามีส่วนร่วมอย่างอิสระ
็
็
์
ี
่
โดยในกรณส่วนมาก ผู้ถูกสัมภาษณควรเปนผู้พูดเปนส่วนใหญ่ ข ้อนีไม่ใช่กฎทีตายตัว แต่คุณอาจพบว่า
้
คุณพูดค่อนข ้างเยอะในบางสถานการณ ์
ก าร สั ม ภ าษ ณ ไ ม่ ใ ช่ ก าร ส น ท น าโ ดย ทั วไ ป เห ตุ ผ ล ที ผู้คน ส น ท น ากั น น้ น มี ม าก ม า ย
่
์
่
ั
่
่
่
เ พื อ นส นิ ท ช อ บ พู ด คุ ยกั นเ กี ยว กั บ เ พื อ น ค น อื น ก า ร เ มื อ ง กี ฬ า แ ล ะ เ รื่ อ ง อื่ น ๆ
่
ั
่
แ ต่ จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ข อ งก า ร ส นท นา ใ นห มู เ พื อ นน้ นมี เ พี ยง
่
การสนทนาเท่าน้น
ั
์
ั
้
่
ก าร สั ม ภ าษ ณ บุ คล าก ร น้น แ ตก ต่ าง อ อ ก ไ ป เ นื อ ง จ าก มีก า ร เ น้น เ ป าหม าย อ ย่ าง ชั ด เ จ น
มุงเน้นงานอย่างเฉพา ะเจา ะจ ง ตัวอย่างเช่น การประเมินผลการป ฏิบัติงา นของตั ว แท น
่
แ ล ะ จ ะ ม ี ก า ร ว า ง เ ค ้ า โ ค ร ง ท ุ ก ส ่ ิ ง
้
ั
้
์
็
่
้
่
ที เ กิ ด ขึ น ใ น ร ะห ว่ า งก า ร สั ม ภ า ษ ณ จ น เ มื อ งา น น้ น เ ส ร จ สิ น น อ ก เ ห นื อ จ า ก นี
ใ นก า ร ส นท นา โด ย ทั ว ไ ป ผู้ ค นมั ก จ ะ ใ ช ้ ว ลี ที พู ด กั น บ่ อ ย ๆ
่
่
่
เพือเปนการแสดงออกมากกว่าทีจะใช ้เพือการสือสารจริงๆ ตัวอย่างเช่น คนทีพูดว่า “สบายดีไหม”
่
่
็
่
่
เ มือ เ จ อ กั บ เ พือ น มั ก จ ะ ไ ม่ ค่ อ ยส นใ จ ว่ า จ ริงๆ แ ล ้ว เ พือ นจ ะ ส บ า ยดีห รือ ไ ม่ แ ต่ ใ ช ้เ พือ
่
่
่
่
็
่
เปนการทักทายอย่างเปนมิตรเพือรบรู้ถึงการมีตัวตนของเพือนเท่าน้น
็
่
ั
ั
ระดับของข้อมูล
เนืองจากการสัมภาษณเกียวกับการค ้นหาหรือให ้ข ้อมูล คุณจึงต ้องเข ้าใจว่าคุณจะได ้จดการกับข ้อมูล
่
์
ั
่
่
หลายประเภท ประเภทแรก คือ ข ้อมูลตามความเปนจริง (Objective Information) ซึงเปนส่วนทีแนนอนทีสุด
็
่
็
่
่
ํ
่
เนืองจากเปนข ้อมูลทีเกียวข ้องกับข ้อเทจจริง เช่น โรงเรียนทีเข ้าเรียน งานทีทาก่อนหน้านี
็
้
่
่
่
็
่
ยอดเบี้ยประกันที่ทาได ้เมื่อเดือนที่แล ้ว จานวนกรมธรรม์ที่ขายได ้ เปนต ้น ข ้อมูลเหล่านี้จดเก็บได ้ง่ายที่สุด
็
ํ
ั
ํ
ํ
็
ง่ายกว่าการเก็บข ้อมูลจากการสัมภาษณ ไม่ว่าจะเปนประวัติการทางาน ใบสมัคร และบันทึกผลการปฏิบัติงาน
์
่
็
์
เปนต ้น อย่าเสียเวลาในการสัมภาษณโดยการสอบถามข ้อมูลทีสามารถดูได ้จากแหล่งข ้อมูลอืนๆ
่
็
ข ้อมูลระดับทีสอง คือ ข ้อมูลทีเปนความคิดส่วนตัว (Subjective Information) คุณจะต ้องรบมือกับ
่
ั
่
็
ความ คิ ดเ ห น แ ล ะ ความ รู้ สึ ก ใ น ส่ วน นี ตั วอ ย่ าง เ ช่ น
้
่
คุ ณ ค ว ร ถ า ม เ กี ยว กั บ ทั ศ น ค ติ ข อ งผู้ มุ งห วั งที มี ต่ อ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ป ร ะกั น ภั ย
่
่
่
้
์
่
หรือถามหนึงในนกขายของคุณว่ารู้สึกอย่างไรกับสิงทีเกิดขึนระหว่างการสัมภาษณขาย ข ้อมูล
ั
่
่
่
่
์
่
ทีเปนความคิดส่วนตัวเปนข ้อมูลทีเหมาะทีจะหาได ้จากการสัมภาษณบุคลากร อันทีจริงแล ้ว
็
็
ั
ผู้ จ ดก าร ที ไ ม่ ใ ห ้ ความ ส น ใ จ กั บ ความ คิ ดส่ วน ตั ว
่
่
ํ
ไม่พยายามหาคาตอบว่าแท ้จริงแล ้วบุคคลมีความคิดและความรู้สึกต่อบางสิงอย่างไรและเพราะอะไร
่
จะเปนผู้สัมภาษณ์ทีไม่มีประสิทธิภาพ
็
คุณค่าและความเชือทีเปนจิตใต ้สํานึกหรือจิตไร้สํานึก คือข ้อมูลประเภทที่สามที่พบในการสัมภาษณ
์
็
่
่
่
้
้
ั
่
ข ้อมูลประเภทนีประเมินได ้ยากทีสุด และผู้จดการไม่ควรจะพยายามประเมินข ้อมูลประเภทนี เนืองจาก
ั
ั
ั
่
่
่
่
เมือคุณค ้นลงไปในส่วนทีลึกทีสุดของจิตใจใครสักคน คุณอาจพบกับปญหาทีคุณไม่พร้อมจะรบมือ ดังน้น
เ พื่ อ เ ป ็ น ก า ร ป ฏ ิ บ ั ต ิ ต า ม ก ฎ
่
็
ให ้ตีกรอบไว ้เฉพาะการสรรหาข ้อมูลตามความเปนจริงและข ้อมูลทีเปนความคิดส่วนตัวเท่าน้น
ั
็
่
่
์
ส่วนการสัมภาษณแบบเจาะลึกน้นเปนขอบเขตงานของผู้เชียวชาญทีผ่านการฝกอบรม
็
ึ
ั
์
มิติของรูปแบบการสัมภาษณ (Dimension of Interviewing styles)
6