Page 70 - หลักสูตร M1 ( Recruiting and Selection )
P. 70
Pacesetter
สิ่งที่ควรทําและไม่ควรทํา
ํ
การพูดคุยทีออกรสชาติช่วยสร้างความตืนตัวได้เช่นเดียวกับกาแฟดา และก็ทาให้หลับยากได้พอกัน
ํ
่
่
-ANNE MORROW LINDBERGH-
่
ก า ร พ ฒ น า ทั กษ ะ กา ร สั ม ภ า ษ ณ ไ ม่ ใ ช่ เ รื อง ลี ลั บ ห รื อวิ เ ศ ษ อะ ไ ร
้
ั
์
็
หากแต่เปนเพียงการผสมผสานนิสัยและเทคนิคแบบเฉพาะเจาะจงต่างๆ เข ้าด ้วยกัน ตัวอย่างมีดังนี ้
ทําไมคุณจึงสัมภาษณ ์
์
ร ะ บุ วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ข อ ง คุ ณ ใ ห ้ ชั ดเจ น ก่ อ น จ ะ เริ ม สั ม ภ าษ ณ
่
ํ
ุ
ั
คุ ณ ก า ลั ง พ ย า ย าม จ ะ ห าตั ว แ ท น ห รื อ พ น ก ง าน ส น บ ส น น คน ใ ห ม่ อ ยู ห รื อ ไ ม่
ั
่
คุ ณ ต ้ อ ง ก าร ป ร บ ป รุ ง ผ ล ผ ลิ ตข อ ง ใ คร สั ก ค น ใ ช่ ห รื อ ไ ม่
ั
ั
คุณต ้องการให ้ข ้อมูลเพิมเติมเกี่ยวกับเส ้ นทางความก ้าวหน้าในสายอาชีพในงาน/ในสาขาหรือบริษทของคุณ
่
แ ก ่ ต ั ว แ ท น ห ร ื อ ไ ม ่
ไม่ว่าวัตถุประสงค์ของคุณคืออะไร การกาหนดวัตถุประสงค์ก่อนการสัมภาษณ จะช่วยให ้การสัมภาษณ ์
ํ
์
เปนไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึน
็
้
่
์
่
่
เมื่อมีวัตถุประสงค์ทีชัดเจนอยูในใจแล ้ว คุณก็สามารถตัดสินใจเลือกประเภทการสัมภาษณทีเหมาะสมได ้
คุณคงจาได ้ว่าการสัมภาษณมีอยู่สามประเภท ได ้แก่ การค ้นหาข ้อเทจจริง การแจ ้งข ้อมูล
์
ํ
็
์
และการสร้างแรงจูงใจ การสัมภาษณประเภททีคุณเลือกควรสอดคล ้องกับวัตถุประสงค์ของคุณ ตัวอย่างเช่น
่
่
ํ
ไม่ควรพยายามบอกหรือแจ ้งวิธีปรบปรุงตัวให ้กับคนทีทางานได ้ไม่ดี ให ้ช่วยพวกเขาค ้นหาสาเหตุของปญหา
ั
ั
ั
ั
จากน้นจึงสร้างแรงจูงใจให ้พวกเขาปรบปรุงตัว
การเตรียมพร้อมสําหรับการสัมภาษณ ์
กระบวนการวางแผนทีควรปฏิบัติก่อนทําการสัมภาษณ์มีดังต่อไปนี้
่
่
1. ใส่ใจรายละเอียด ตัดสินใจว่าจะทาการสัมภาษณทีไหน ตรวจสอบให ้แนใจว่าห ้องสะอาด
์
่
ํ
็
ั
มี แ ส ง เพี ย ง พ อ แ ล ะ ส ะ ดว ก ส บ า ย ร ว ม ถึ ง จ ดใ ห ้ มี คว า ม เป น ส่ ว น ตั ว
ั
ํ
ั
่
่
นดหมายในเวลาทีทั้งสองฝายสะดวกและยึดเวลาตามกาหนดการนดหมายน้น
ั
่
์
่
ํ
2. ศึก ษ าข ้อ มู ล ที คุ ณ มี เ กี ย วกั บ ผู้ถู ก สั ม ภ าษ ณ ก าร ตร วจ ส อ บ ป ร ะ วั ติก าร ท า ง า น
ใ บ แส ด ง ผ ล ก าร ศึ ก ษ าร ะ ดั บ ม หาวิ ท ย าลั ย จ ดหม าย ร บ ร อ ง ส่ วน บุ ค ค ล
ั
ข ้ อ มู ล ผ ล ผ ลิ ตแ ล ะ ก าร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ข อ ง หั วหน้ าง าน
็
ํ
จะทาให ้คุณเหนภาพของบุคคลดังกล่าวได ้ชัดเจน
่
ี
3. เตรี ย ม คู มื อ ก าร สั ม ภ าษ ณ ง าน วิ จ ย ข อ ง L IM R A ซึงย ้อ น ไ ป ไ ก ล ถึ งป 1915
่
์
ั
่
่
รวมถึงงานวิจยเพิมเติมของบุคคลอืนระบุว่าหากมีผู้สัมภาษณหลายคนสัมภาษณคนคนเดียวกัน
์
์
ั
ผ ู ้ ส ั ม ภ า ษ ณ ์ เ ห ล ่ า น ั ้ น
ั
่
่
ี
มักมีข ้อสรุปทีตรงกันข ้ามกันเกียวกับคนๆ น้น หนึ่งในสาเหตุของกรณนี้ คือ ผู้สัมภาษณแต่ละคน
์
็
่
หาข ้อมูลไม่เหมือนกัน ส่งผลให ้การตัดสินเปนไปตามข ้อมูลทีเลือกมากกว่าตามข ้อมูลโดยรวม
่
์
์
หากมีคูมือการสัมภาษณ คุณจะทาการสัมภาษณได ้ตามโครงสร้างและมีประสิทธิภาพ
ํ
โดยคุณจะดาเนินการตามแผนและรบเฉพาะข ้อมูลทีสําคัญได ้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี ้
่
ํ
ั
้
ํ
์
คู่ มื อ ยั งมี ป ร ะ โยช น์ เ พิ ม เ ติ ม โด ยท า ใ ห ้ก า ร ป ร ะ เ มิ นห ลั งสั ม ภ า ษ ณ ง่ า ย ขึ น
่
ั
่
่
เนื อ ง จ าก ข ้ อ มู ล ที ไ ด ้ ร บ ม าจ ะ มี ก าร จ ด เรี ย ง
ั
่
ั
์
อย่างเปนระบบดีกว่าข ้อมูลทีจะได ้รบจากการสัมภาษณทีไม่มีการกาหนดโครงสร้าง
ํ
่
็
8