Page 73 - หลักสูตร M1 ( Recruiting and Selection )
P. 73
Pacesetter
์
่
ํ
ํ
การถามคาถามหลายๆ คาถามรวดเดียวกันอาจส่งผลให ้ผู้ถูกสัมภาษณตอบเฉพาะคาถามทีจดจาได ้ง่ายที่สุด
ํ
ํ
่
ซึงโดยปกติมักเปนคาถามท ้ายๆ วิธีการสอบถามทีถูกต ้อง คือ ถามคาถามแรกและหยุดฟงคาตอบก่อน
ํ
ั
่
ํ
็
ํ
้
ั
้
แล ้วจึงถามคาถามถัดไปต่อ แนวทางนีจะช่วยให ้คุณได ้รบคาตอบทีเข ้าใจง่ายขึนและมีประโยชน์มากขึน
ํ
้
ํ
่
่
้
ํ
่
ํ
ถามคาถามทัวไปก่อนแล ้วจึงเปลียนรูปแบบคาถามให ้เฉพาะเจาะจงขึน คาถามทัวไปอย่าง
่
ํ
ี
่
่
่
็
่
“ ช่ ว ย เล่ า เ รื อ ง เกี ย ว กั บ ตั ว เ อ ง ห น อ ย ” ห รื อ “ รู้สึ ก ว่ าป ที ผ่ า น ม า เป น อ ย่ า ง ไ ร บ ้า ง ”
เ ป ็ น ก า ร บ อ ก บ ุ ค ค ล ด ั ง ก ล ่ า ว โ ด ย น ั ย ว ่ า
คุ ณ ค า ด หวั ง ใ ห ้ พ วก เ ข า เ ป น ผู้ ส น ท น าเ ป น ส่ วน ใหญ่
็
็
แ ล ะ ค า ถ าม เ หล่ านี ยั ง จ ะ น าไ ป สู่ ก าร พู ดคุ ย อ ภิป ร าย กั น อ ย่ าง ก ว ้าง ข วาง ตั ว อ ย่ า ง เ ช่น
ํ
ํ
้
์
่
ใน ร ะ หว่ าง ก าร สั ม ภ าษ ณ เ พื อ ป ร ะ เ มิ น ผ ลก าร ป ฏิ บั ติ ง า น
ึ
่
ผู้ จ ดก า ร อ า จ ก ล่ า ว ว่ า ก า ร ฝ ก อ บ ร ม เป น สิ ง ที สํ า คั ญเป น ล า ดั บ แ ร ก ๆ
ั
ํ
็
่
็
ํ
คุ ณ จ ะ ส าม าร ถ ตอ บ ก ลั บ โ ด ย ใช ้ ค า ถ า ม ก ว ้ าง ๆ ไ ด ้ เ ช่ น
ั
่
ึ
ึ
ํ
“คุณจะเริมการฝกอบรมอย่างไร” แล ้วจึงตามด ้วยคาถามแบบเจาะจง เช่น “คุณจดตารางการฝกอบรม
ึ
แบบไหนเอาไว ้” “คุณจดให ้มีการติดตามความคืบหน้าในตารางการฝกอบรมของคุณอย่างไรบ ้าง”
ั
่
่
ี
ํ
่
่
ั
ั
่
้
่
่
ํ
ถามคาถามเกียวกับสิงทีพูดถึงก่อนหน้านี ผู้ถูกสัมภาษณ์: “ตอนทีฉนเข ้ามาทางานทีนีคร้งแรกเมือสามปก่อน
ํ
ั
ั
้
ั
ฉนมองโอกาสในการทางานของฉนในแง่ดีทีเดียว แต่ตอนนีฉนเริ่มไม่แนใจแล ้ว”
่
์
่
ั
่
่
ผู้สัมภาษณ: “อะไรทาให ้คุณรู้สึกแบบน้น” “ทัศนคติของคุณเริมเปลียนไปตอนไหน” “เราจะทาให ้สิงต่างๆ
ํ
ํ
ดีขึ้นสําหรับคุณได ้อย่างไร”
ํ
็
อย่าโยนคาถามทีซับซ ้อนหรือ “ท ้าทาย” เข ้าใส่ใครสักคนตั้งแต่แรกเริม แม ้คุณจะสังเกตเหนว่าผู้สมัคร
่
่
ํ
ิ
่
่
็
ํ
ไม่เคยทางานทีใดเปนเวลานานเลยก็ตาม อย่าเปดบทสนทนาด ้วยการถามว่า “ทาไมคุณถึงเปลียนงานบ่อย”
่
่
์
็
็
็
แนนอนว่านีเปนประเดนทีควรสํารวจในระหว่างการสัมภาษณ แต่ให ้ค่อยๆ เข ้าสู่ประเดนทีละน้อย
่
ํ
์
ํ
อย่าสอบสวน คุณไม่ใช่อัยการ คาถามของคุณไม่ควรทาให ้ผู้ถูกสัมภาษณวิตกกังวล และอย่าใช ้ภาษา
่
ที่ไม่เปนมิตรหรือแสดงอาการแคลงใจ ขุนเคือง หรือไม่เชือ ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม
็
่
วิธีการรับฟัง
ั
ํ
ั
ํ
ั
ก า ร ถ าม ค าถ าม ที่ ดี คง ไ ม่ เกิ ดป ร ะ โ ย ช น์ น ก ห าก คุ ณ ไ ม่ ร บ ฟ ง ค าต อ บ
นิสัยในการฟงทีดีทาให ้เกิดการสัมภาษณทีมีประสิทธิภาพมากขึน เนืองจากเมือผู้สัมภาษณตั้งใจฟง
่
์
ั
ํ
้
์
ั
่
่
่
่
่
์
ผู้ถูกสัมภาษณจะกังวลน้อยลง ผู้ฟงทีดีจะสามารถถามคาถามทีเกียวข ้อง ลึกซึง และชัดเจนได ้ดีกว่า
ั
่
้
ํ
่
ั
ั
แต่นาเสียดายทีผู้จดการหลายคนเปนผู้ฟงทีไม่ใส่ใจ บ่อยคร้งทีพวกเขาใส่ใจแค่เพียงบางส่วนของ
่
่
ั
็
่
่
่
่
่
บทสนทนาทีตัวเองสนใจ และมัวแต่คาดเดาสิงทีผู้สัมภาษณจะพูดต่อไป แทนทีจะฟงสิงทีกาลังพูดอยู ่
ั
่
่
ํ
์
ั
ในขณะน้น
่
ั
สาเหตุของนิสัยในการฟงที่ไม่ดีซึงพบได ้บ่อยมีดังต่อไปนี ้
ั
็
่
ึ
่
็
ํ
ั
ึ
1. การขาดการฝกฝน ทุกคนไม่ได ้เปนผู้ฟงทีดีแต่กาเนิด แต่ทุกคนเปนผู้ฟงทีดีได ้ด ้วยการฝกฝน
ํ
็
์
2. การขาดการเตรียมความพร้อม ผู้สัมภาษณทีกังวลว่าต ้องแสดงความคิดเหน หรือถามคาถาม
่
อย่างไรต่อ มักลืมที่จะฟงสิ่งที่ผู้ถูกสัมภาษณ์กาลังพูดอยู่
ํ
ั
ั
่
่
่
่
่
้
์
่
3. การสนใจเรืองอืนๆ ให ้ทิงเรืองอืนๆ ทีไม่เกียวข ้องไว ้นอกห ้องสัมภาษณ เนืองจากการฟง
่
่
ทีมีประสิทธิภาพต ้องใช ้ สติอย่างครบถ ้วน
่
่
้
่
ั
็
4. ความขีเกียจ การฟงเปนงานหนกทีต ้องใช ้ สติเพือจดจ่อกับสิงทีผู้อืนพูด
ั
่
่
ั
ั
วิธีการพฒนาทักษะการฟงมีดังนี ้
่
ึ
็
็
็
• เปนผู้ฟงทีมีส่วนร่วมและให ้ความสนใจ ฝกตัวเองให ้สนใจความคิดเหนของผู้ร่วมงานอย่างแขงขัน
ั
11