Page 22 - 50 คำถาม เกี่ยวกับการอนุญาโตตุลาการ
P. 22
18
8. ค ำชี้ขำดข้อพิพำทหมำยเลขแดงที่ 32/2560
ประเด็นข้อพิพำท : 1. ฝ่ำยผู้คัดค้ำนผิดสัญญำหรือไม่
2. หำกฝ่ำยผู้คัดค้ำนผิดสัญญำ ค่ำเสียหำยมีเพียงใด
ข้อเท็จจริงที่น ำสืบตรงกันรับฟังได้ว่ำ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๓ บริษัท อ. ผู้เรียกร้องได้ตกลง
ท าสัญญากับบริษัท ล. ผู้คัดค้านที่ ๑ ให้ก่อสร้าง ออกแบบ และสร้างอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) สูง ๑๘ ชั้น จ านวน
๑ อาคาร ก าหนดแล้วเสร็จภายใน ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔ โดยมีรายละเอียดเงื่อนไขของสัญญา ปรากฏตามส าเนาสัญญา
ก่อสร้างออกแบบและสร้าง
หลังจากนั้นได้มีการท าบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงสัญญาดังกล่าวทั้งหมดห้าครั้ง
และในวันเดียวกันกับการแก้ไขสัญญาครั้งที่สองนั้น ผู้คัดค้านที่ ๒ ณ. ได้ท าหนังสือค้ าประกันตกลงยอมเข้าผูกพันตน
เข้าค้ าประกันการช าระหนี้และการปฏิบัติตามสัญญาจ้างระหว่างผู้เรียกร้องและผู้คัดค้านที่ ๑ และบันทึกข้อตกลงแก้ไข
เพิ่มเติมสัญญาจ้าง (ครั้งที่ ๒) โดยจ ากัดความรับผิดไว้เป็นเงินจ านวน ๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท (สองล้านหกแสนบาทถ้วน)
และยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกับผู้คัดค้านที่ ๑
ส าหรับการท าสัญญาก่อสร้าง ออกแบบ และสร้างอาคารชุด และได้มีการท าบันทึกแก้ไขเพิ่มเติมและ
เปลี่ยนแปลงสัญญาดังกล่าวมาแล้วนั้นได้มีการตกลงแก้ไขเยียวยาโดยขยายระยะเวลาการก่อสร้าง ปรับลดค่าจ้าง จัดซื้อ
วัสดุอุปกรณ์ให้ จ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้า แต่การก่อสร้างไม่สามารถด าเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้
และผู้เรียกร้องได้เข้าจัดการงานก่อสร้างส่วนที่เหลือ คือ จัดซื้อวัสดุเร่งด่วน งานฉาบแต่งผนัง งานรื้อกระเบื้องและปูใหม่
งานแก้ไขห้องพัก เก็บงานตามห้องลูกค้าชั้นต่าง ๆ เก็บงานลานจอดรถ เก็บงานผนังอาคาร ฯลฯ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน
๒๕๕๕ จนแล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๖
ค ำวินิจฉัยชี้ขำด
จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการพิจารณาและรับฟังพยานหลักฐานนั้นปรากฏว่ามีการผิดสัญญาของฝ่าย
ผู้คัดค้านที่ ๑ ที่ไม่ท าตามสัญญาจนเสร็จสิ้น แต่ในการปฏิบัติตามสัญญานั้นมีปัญหาว่าจะถือว่าผู้คัดค้านที่ ๑ ผิดสัญญา
ในวันใด
จากทางพิจารณาและพยานหลักฐานต่าง ๆ แม้จะมีการตกลงกันในการท าสัญญาครั้งแรกว่าต้องให้เสร็จ
สิ้นเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔ แต่ก็ได้มีการตกลงแก้ไขเพิ่มเติมกันตลอดมาถึง ครั้งที่ ๕ ในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
แม้จะระบุว่าการแก้ไขเพิ่มเติมไม่เป็นเหตุในการขยายระยะเวลาในการก่อสร้างและผู้เรียกร้องขอสงวนสิทธิในการคิด
เบี้ยปรับเพื่อการล่าช้าและค่าเสียหายที่เกิดขึ้น แต่การที่มีการตกลงกันให้ผู้คัดค้านด าเนินการก่อสร้างโครงการต่อไปแม้เกิน
ก าหนดวันเสร็จสิ้นการก่อสร้างแล้วนั้นตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายไม่ถือสาระส าคัญของวันเวลาที่เคย
ตกลงกันว่าต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จในวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔ แล้ว สาระส าคัญตามทางปฏิบัติของทั้งสองฝ่ายก็คือ
ต้องท าการก่อสร้างให้แล้วเสร็จเท่านั้น (ตามนัย ค าพิพากษาฎีกาที่ ๖๓๓๕/๒๕๕๐) และถือได้ว่าเป็นการขยายระยะเวลา
ว่าจ้างออกไปโดยไม่มีก าหนด จนกว่าจะมีการบอกเลิกสัญญาหรือกระท าการอื่นใดในลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน
จึงจะถือว่าผิดสัญญานั้นนับแต่มีการกระท านั้น (ตามนัย ค าพิพากษาฎีกาที่ ๒๔๖๗-๒๔๖๘/๒๕๕๒) ดังนั้น เมื่อผู้คัดค้านที่ ๑
มิได้ด าเนินการก่อสร้างจนเสร็จสิ้นอันท าให้ผู้เรียกร้องได้มีหนังสือลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ แจ้งต่อผู้คัดค้านที่ 1
ว่า เนื่องจากผู้คัดค้านไม่สามารถท างานให้แล้วเสร็จตามก าหนดระยะเวลาที่ตกลงกันได้และท าให้ผู้เรียกร้องไม่สามารถ