Page 24 - 50 คำถาม เกี่ยวกับการอนุญาโตตุลาการ
P. 24
20
ส าหรับค่าเบี้ยปรับที่ก าหนดไว้ในคดีนี้ คือ ๐.๑ % นั้น เป็นอัตราที่ก าหนดไว้สูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับ
อัตราเบี้ยปรับมาตรฐานที่ใช้กันในการจ้าง ดังจะเห็นได้จาก ระเบียบส านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕
ส านักมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ก าหนดอัตราค่าปรับในสัญญา ในการท าสัญญาและหลักประกัน
(ข้อ ๑๓๔) กรณีงานจ้างก่อสร้างที่ต้องการผลส าเร็จของงานพร้อมกันนั้น ให้คิดค่าปรับรายวัน เป็นจ านวนเงินตายตัว อัตรา
ร้อยละ ๐.๐๑-๐.๑๐ ของราคางานจ้าง แต่ต้องไม่ต่ ากว่าวันละ ๑๐๐ บาท ดังนั้น การก าหนดอัตราร้อยละ ๐.๑ หรือ ๐.๑
%นั้น เป็นอัตราขั้นสูงสุด จึงเห็นควรลดลงครึ่งหนึ่ง คือ ให้ ร้อยละ ๐.๐๕ หรือ ๐.๐๕ % ซึ่งก็ยังไม่ต่ ามาก แต่เป็น
ขั้นกลาง เพราะการก าหนดของทางการที่เป็นมาตรฐานนั้นขั้นต่ า คือ ร้อยละ ๐.๐๑ หรือ ๐.๐๑ % ซึ่งก็สอดคล้องกับ
ค าพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๗๙/๒๕๓๔ ที่ให้ลดค่าปรับจากที่ก าหนดไว้ในสัญญาลงครึ่งหนึ่ง หรือ ๕๐ %
(จากค่าปรับวันละ ๓,๐๐๐ บาท เหลือวันละ ๑,๕๐๐ บาท)
ส าหรับการคิดค่าเบี้ยปรับนั้นต้องคิดแต่วันที่มีความเสียหาย ซึ่งในคดีนี้ ก็คือ นับแต่วันที่ผู้เรียกร้อง
ด าเนินการเรื่องการก่อสร้างเองจนถึงวันที่มีการก่อสร้างเสร็จสิ้น ก็คือ นับแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๕ จนถึงวันที่
๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ เป็นเวลา ๓๖๕ วัน คิดเป็นเงิน ๕๓,๐๐๗,๖๓๙.๖๕ บาท (ห้าสิบสามล้านเจ็ดพันหกร้อยสามสิบ
เก้าบาทหกสิบห้าสตางค์)
ส าหรับดอกเบี้ยที่ผู้เรียกร้องต้องช าระให้แก่สถาบันการเงินในช่วงเวลาที่ก่อสร้างล่าช้าและ
ผู้เรียกร้องไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้แก่ลูกค้าได้ตามก าหนด เป็นเงินจ านวน ๗๑,๕๓๘,๘๗๗.๔๓ บาท
(เจ็ดสิบเอ็ดล้านห้าแสนสามหมื่นแปดพันแปดร้อยเจ็ดสิบเจ็ดบาทสี่สิบสามสตางค์) นั้นเป็นเรื่องที่ผู้เรียกร้องต้องวางแผน
ในเรื่องการเงินของตนเอง ไม่ได้เกิดขึ้นโดยตรงจากการที่ผิดสัญญาของผู้คัดค้านที่ ๑ เพราะค่าเสียหายที่เรียกร้องจาก
ผู้กระท าผิดสัญญาต้องเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การที่ผิดสัญญา เช่น ก่อสร้าง
อาคารไม่เสร็จสิ้น มิใช่ความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ
ส าหรับเงินที่ผู้เรียกร้องต้องเสียไปเป็นค่าใช้จ่ายและค่าตอบแทน (โปรโมชั่น) ให้แก่ลูกค้าที่ยอมรับโอน
กรรมสิทธิ์ห้องชุดล่าช้ากว่าก าหนด ก็เช่นกัน เป็นเรื่องที่ไม่ใช่จ านวนเงินที่จ าเป็นต้องใช้จ่ายขึ้นโดยตรงเนื่องจากมีการ
กระท าผิดสัญญาของผู้คัดค้านที่ ๑ ผู้เรียกร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินจ านวนดังกล่าว
เงินที่ผู้เรียกร้องต้องเสียไปเป็นค่าส่วนกลางให้แก่นิติบุคคลอาคารชุดในช่วงเวลาที่การก่อสร้างล่าช้า
ออกไปและไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้แก่ลูกค้าได้ตามก าหนด นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ใช่จ านวนเงินที่จ าเป็นต้อง
ใช้จ่ายขึ้นโดยตรงเนื่องจากมีการกระท าผิดสัญญาของผู้คัดค้านที่ ๑ ผู้เรียกร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินจ านวนดังกล่าว
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า ผู้คัดค้านที่ ๒ ต้องร่วมรับผิดกับผู้คัดค้านที่ ๑ หรือไม่และเพียงใด เห็นว่า
ผู้คัดค้านที่ ๒ รับผิดแต่เฉพาะเงินในส่วนที่ได้ท าสัญญาค้ าประกัน ตามหนังสือสัญญาค้ าประกัน ที่มีใจความว่า ผู้ค้ าประกัน
ตกลงว่า หากผู้รับจ้างด าเนินการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ผู้ค้ าประกัน
ตกลงช าระเงิน ให้แก่ผู้ว่าจ้างทันที และข้อ ๓ ที่มีใจความว่า หากผู้ว่าจ้างยอมผ่อนเวลาการช าระหนี้หรือการปฏิบัติตาม
สัญญาแก่ผู้รับจ้าง ผู้ค้ าประกันตกลงยินยอมด้วยในการผ่อนเวลานั้นทุกครั้งไป โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ และผู้ค้ าประกัน
ขอสละสิทธิที่จะยกระยะเวลาแห่งการผ่อนเวลานั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้
อาศัยเหตุผลดังวินิจฉัยมาแล้ว จึงชี้ขาดดังนี้
ให้ผู้คัดค้านที่ ๑ บริษัท ล. ช าระเงินตามสัญญา พร้อมทั้งดอกเบี้ย ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจาก
วันเสนอข้อพิพาท คือ วันที่ 25 กันยายน 2558 จนกว่าผู้คัดค้านที่ ๑ จะช าระให้แก่ผู้เรียกร้องเสร็จสิ้นให้ผู้คัดค้านที่ ๒
ณ. ช าระเงินตามสัญญาค้ าประกัน พร้อมทั้งดอกเบี้ย ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันเสนอ
ข้อพิพาทคือ วันที่ 25 กันยายน 2558 จนกว่าผู้คัดค้านที่ ๒ จะช าระให้แก่ผู้เรียกร้องเสร็จสิ้น ค าขออื่นให้ยก