Page 23 - 50 คำถาม เกี่ยวกับการอนุญาโตตุลาการ
P. 23
19
โอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบอาคารชุดให้ลูกค้าได้ ผู้เรียกร้องจึงจ าเป็นต้องเข้าร่วมจัดการงานในส่วนที่เหลือต่อไปเพื่อให้งาน
เสร็จโดยเร็ว และผู้เรียกร้องได้เข้าไปด าเนินการก่อสร้างอาคารเองในวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๕ จนถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม
๒๕๕๖ กรณีดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ถือได้ว่าผู้คัดค้านที่ ๑ ผิดสัญญาตั้งแต่วันเวลาและตลอดในช่วงเวลาดังกล่าว ด้วยเหตุ
ดังกล่าว ผู้เรียกร้องจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายและเบี้ยปรับต่าง ๆ ในช่วงเวลาก่อนวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๕ เนื่องจาก
ไม่ได้ถือระยะเวลาก่อนหน้านั้นเป็นสาระส าคัญและมิได้ผิดสัญญา ดังได้กล่าวแล้ว
ปัญหามีต่อไปว่า ผู้คัดค้านต้องรับผิดในเรื่องค่าเสียหายจ านวนเท่าใด
การที่ผู้คัดค้านที่ ๑ มิได้ด าเนินการตามสัญญาจ้างก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญา และผู้เรียกร้อง
ได้บอกเลิกสัญญาแล้วย่อมมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนส าหรับความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดขึ้นแต่การเลิกสัญญานี้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๐๕
ส าหรับค่าเสียหายนั้น ผู้เรียกร้องมีสิทธิเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการผิดสัญญาเพราะไม่ช าระหนี้
ของผู้คัดค้านซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๒ ซึ่งบัญญัติว่า
“การเรียกเอาค่าเสียหายนั้นได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้น
แต่การไม่ช าระหนี้นั้น
เจ้าหนี้จะเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ แม้กระทั่งเพื่อความเสียหาย อันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ หากว่า
คู่กรณีที่เกี่ยวข้องได้คาดเห็นหรือ ควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าก่อนแล้ว”
เมื่อสัญญาเลิกกันแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม ส่วนการงาน
ที่ได้ท าให้แก่กันนั้นก็ให้ใช้ตามควรค่าแห่งการนั้น ๆ และค่าของงานดังกล่าวเป็นการท าให้คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิมได้
ในคดีนี้ได้ความว่าหลังจากผู้เรียกร้องบอกเลิกสัญญาต่อผู้คัดค้านที่ ๑ แล้ว ผู้เรียกร้องได้ว่าจ้างผู้รับเหมา
รายอื่นให้ท างานส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จ แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นราคาที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับราคาที่ว่าจ้างผู้คัดค้านที่ ๑
เนื่องจากไม่มีการน าสืบในประเด็นนี้ จึงไม่ปรากฏชัดเจนว่าผู้เรียกร้องต้องเสียหายจากการที่ผู้คัดค้าน ที่ ๑ มิได้ท าการ
ก่อสร้างจนแล้วเสร็จและท าให้ผู้เรียกร้องต้องจ้างบุคคลอื่นให้ท าการก่อสร้างแทนจนแล้วเสร็จ (ตามนัย ค าพิพากษาฎีกาที่
๗๖๑๘/๒๕๕๒ ซึ่งพิพากษาว่าหากมีการจ้างบุคคลอื่นมาท างานต่อจนเสร็จสิ้นหลังจากผู้รับจ้างผิดสัญญาและปรากฏว่า
ค่าจ้างมีราคาต่ ากว่า ที่ตกลงกับจ าเลยผู้รับจ้างไว้ ก็ไม่เป็นการเสียหายส าหรับโจทก์ ผู้ว่าจ้างแต่อย่างใด) และในคดีนี้
ผู้เรียกร้องก็มีสิทธิได้รับค่าเบี้ยปรับจากการไม่ช าระหนี้ของผู้คัดค้านได้ ในส่วนนี้จึงไม่มีค่าเสียหายตามที่
ผู้เรียกร้องกล่าวอ้าง
ส าหรับ ค่าเบี้ยปรับเพื่อการล่าช้าเป็นรายวันในอัตรา ๐.๑ % ของค่าจ้างทั้งหมดตามสัญญา คณะ
อนุญาโตตุลาการเห็นว่า เป็นเงินค่าเบี้ยปรับที่ก าหนดไว้ล่วงหน้าที่สูงเกินส่วน เนื่องจากค่าเบี้ยปรับแม้เป็นการก าหนดไว้
ล่วงหน้าโดยไม่จ าต้องเสียหายจริงเพื่อเป็นการเตือนให้คู่สัญญาผู้มีหน้าที่ช าระหนี้ต้องปฏิบัติการช าระหนี้ตามสัญญา
มิฉะนั้นจะถูกลงโทษโดยการเสียเบี้ยปรับ แต่การเรียกเบี้ยปรับนั้นต้องไม่สูงเกินส่วนจนเป็นการเอาเปรียบคู่สัญญา
อีกฝ่ายหนึ่งมากเกินไป และในเรื่องนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลสามารถ
ลดลงได้ตามสมควร ส าหรับในคดีนี้แม้เป็นการด าเนินการพิจารณาโดยการอนุญาโตตุลาการ แต่ก็มีลักษณะเช่นเดียวกับ
การพิจารณาคดีในศาลและเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าอนุญาโตตุลาการนั้นมีลักษณะการท าหน้าที่เช่นเดียวกับศาลคือ
การพิจารณาพิพากษาคดี เพียงแต่เป็นตุลาการที่คู่กรณีแต่งตั้งไม่ใช่ผู้พิพากษาของศาลยุติธรรมหรือตุลาการของ
ศาลปกครองหรืออื่น ๆ ดังนั้น คณะอนุญาโตตุลาการจึงมีดุลพินิจในการลดเบี้ยปรับตามที่เห็นสมควรได้หากเบี้ยปรับ
ที่ก าหนดไว้ในสัญญานั้นสูงเกินส่วน