Page 56 - 50 คำถาม เกี่ยวกับการอนุญาโตตุลาการ
P. 56
52
มิเตอร์ไฟฟ้าชั่วคราวเพื่อใช้ไฟฟ้าในการก่อสร้างอาคาร ก็เป็นการกระท าแทน ผู้คัดค้านที่ ๑ เนื่องจากผู้คัดค้านที่ ๑
ไม่สามารถด าเนินการดังกล่าวได้ด้วยตนเอง และแม้ในค าคัดค้านและข้อเรียกร้องแย้งของผู้คัดค้านที่ ๑ และที่ ๒ ก็ระบุว่า
ในสัญญาว่าจ้างก่อสร้างอาคารดังกล่าว มิได้มีข้อความใดระบุให้ผู้คัดค้านทั้งสองมีหน้าที่ตามข้อตกลงของสัญญาด าเนินการ
ขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าชั่วคราวและขอใช้ไฟฟ้าต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แต่การติดต่อขอตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าชั่วคราวและขอใช้
ไฟฟ้า เป็นการด าเนินการของผู้เรียกร้องและในนามของผู้เรียกร้อง เพื่ออ านวยความสะดวกในการก่อสร้างให้แก่ผู้คัดค้าน
ในการด าเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ โดยมีข้อตกลงว่าให้ผู้คัดค้านทั้งสองเป็นผู้ช าระค่าไฟฟ้านั้น ซึ่งแสดงว่า ผู้เรียกร้อง
ได้กระท าการแทนผู้คัดค้านและเพื่อประโยชน์ของผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในการก่อสร้าง เนื่องจากผู้คัดค้านไม่มีสิทธิที่จะ
ขอใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ด้วยตนเอง จึงจ าเป็นต้องให้ผู้เรียกร้องด าเนินการให้ หากผู้เรียกร้องไม่ด าเนินการ
ดังกล่าวผู้คัดค้านย่อมไม่สามารถด าเนินการก่อสร้างอาคารส านักงานตามสัญญาจ้างให้เสร็จสิ้นได้ รวมถึงยังได้ความจาก
นางสาวศ. ได้ให้การเกี่ยวกับสัญญาจ้างก่อสร้างอาคาร ข้อ ๔ ค่าจ้างและการจ่ายเงิน ที่ระบุว่า “ผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายและ
ผู้รับจ้างตกลงรับเงินค่าจ้างจ านวน ๔๙,๒๕๘,๘๙๙ บาท ซึ่งได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม จ านวน ๓,๒๒๒,๕๔๔.๗๙ บาท ตลอดจน
ภาษีอากรอื่น ๆ และค่าใช้จ่ายทั้งปวงด้วยแล้ว โดยถือราคาเหมารวมเป็นเกณฑ์ ตามรายการแต่ละประเภทดังที่ได้ก าหนดไว้ใน
ใบแจ้งปริมาณและราคา...” นั้น หมายความว่า ค่าไฟฟ้ารวมอยู่ในข้อ ๔ เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายทั้งปวงและ
ในเอกสารแนบท้ายสัญญาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา คือ แบบใบแจ้งปริมาณงานและราคา ข้อ ๒.๓ ซึ่งในเอกสารดังกล่าว
ระบุว่าค่าวัสดุและค่าแรงต่าง ๆ รวมทั้งค่า Factor F ซึ่งค่าไฟฟ้า น้ าประปา อยู่ใน ค่า Factor F ดังนั้นราคา
ค่าก่อสร้างตามสัญญาในข้อ ๔ ที่ปรากฏ คือ ๔๙,๒๕๘,๘๙๙ บาท ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายทั้งปวง และค่าไฟฟ้าด้วย จึงเป็นหน้าที่
ของผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับจ้างต้องจ่ายค่าไฟฟ้า ส าหรับข้อต่อสู้ที่ผู้คัดค้านทั้งสองอ้างว่า ไม่ใช่หน้าที่ของผู้เรียกร้องที่ต้อง
จ่ายเงินค่าไฟฟ้าที่ถูกเรียกเก็บเพิ่มเติมและไม่จ าเป็นที่ผู้เรียกร้องต้องน าเรื่องดังกล่าวไปขอค าวินิจฉัยต่อคณะกรรมการ
พิจารณาชี้ขาดยุติในการด าเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นั้น เรื่องดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติ
ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๙ ข้อ ๖ การยุติข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
และรัฐวิสาหกิจ โดยการไฟฟ้าภูมิภาคซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจมีข้อพิพาทกับผู้เรียกร้องในเรื่องค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บเพิ่มเติม
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จึงต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว คือส่งเรื่องต่อส านักงานอัยการว่าผู้เรียกร้องได้ใช้ไฟฟ้า
แล้วและมีการค านวณการใช้ไฟฟ้าผิดพลาด แต่ว่าผู้เรียกร้องไม่ได้ช าระค่าไฟฟ้าที่ค านวณขาดไปให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
เพื่อให้อัยการสูงสุดเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด และหลังจากนั้นเมื่อมีค าวินิจฉัยชี้ขาดแล้วไปเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการพิจารณา
ชี้ขาดการยุติในการด าเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการดังกล่าวได้มีมติให้
ผู้เรียกร้องช าระเงินให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แล้วได้น าเรื่องเรียนต่อคณะรัฐมนตรี และเมื่อคณะรัฐมนตรีได้รับทราบแล้ว
ก็ถือว่าเรื่องยุติ ผู้เรียกร้องจึงต้องจ่ายเงินค่าไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หากไม่ปฏิบัติตามก็เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ข้อต่อสู้ที่ว่าผู้เรียกร้องไม่จ าเป็นต้องช าระเงินค่าไฟฟ้าตามที่ถูกเรียกเก็บและไม่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีจึงฟังไม่ขึ้น
นอกจากนั้น การช าระค่าไฟฟ้าในส่วนที่ขาดไปเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง กล่าวคือ ตามระเบียบ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคว่าด้วยการใช้ไฟฟ้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งออกโดยอาศัยอ านาจตามความใน มาตรา ๓๑ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ ที่ระบุในข้อ ๓๔ และนายส. เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ก็ได้ยืนยันว่าการเรียกเก็บเพิ่มเติมให้ถูกต้องนั้นมีกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องดังกล่าวให้อ านาจไว้ให้กระท าได้ ดังนั้น
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงมีอ านาจเรียกร้องค่าไฟฟ้าส่วนที่ขาดไปเพิ่มเติมได้ การที่ผู้เรียกร้องช าระเงินค่าไฟฟ้าที่ขาดไป
จึงเป็นการปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมาย ส าหรับข้ออ้างที่ว่าผู้คัดค้านที่ ๑ ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
จึงไม่มีหน้าที่ต้องช าระค่าไฟฟ้า แม้ผู้คัดค้านที่ ๑ มิได้เป็นคู่สัญญาแต่ก็เป็นผู้ที่ใช้ไฟฟ้าในการก่อสร้าง เพียงแต่ผู้เรียกร้อง
เป็นผู้ท าสัญญาใช้ไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อประโยชน์ของผู้คัดค้านที่ ๑ ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงมีหน้าที่ต้องช าระ