Page 103 - 2557 เล่ม 1
P. 103
๑๐๓
ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๒๖๔/๒๕๕๗ พนักงานอัยการ
จังหวัดสุราษฎร์ธานี โจทก์
นายปริญญา วิชัยดิษฐ กับพวก จ าเลย
ป.อ. ตัวการ, ข่มขืนกระทําชําเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง, พรากผู้เยาว์
อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี มาตรา ๘๓, ๒๗๖ วรรคสอง (เดิม),
๓๑๘ วรรคสาม
ป.วิ.อ. พยานบอกเล่า มาตรา ๒๒๖/๓
โจทก์ไม่มีผู้เสียหายที่ ๑ มาเบิกความเป็นพยานเพราะเหตุจ าเป็นที่
ไม่สามารถติดตามตัวได้ โจทก์จึงอ้างบันทึกค าให้การชั้นสอบสวนของ
ผู้เสียหายที่ ๑ เป็นพยานหลักฐานต่อศาล ซึ่งแม้จะถือเป็นพยานบอกเล่า
แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพ ลักษณะ แหล่งที่มา และข้อเท็จจริงแวดล้อมของ
บันทึกค าให้การนั้นน่าเชื่อว่าผู้เสียหายที่ ๑ ให้การไปตามความจริง กล่าวคือ
บันทึกค าให้การดังกล่าวท าต่อหน้านักจิตวิทยาและพนักงานอัยการซึ่งไม่มี
ส่วนได้เสียกับฝ่ายใด มีรายละเอียดข้อเท็จจริงเชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุผล
ไม่มีข้อน่าระแวงสงสัยว่าจะท าขึ้นเพื่อใส่ร้ายจ าเลยที่ ๒ และที่ ๓ ทั้งในคืนเกิดเหตุ
ผู้เสียหายที่ ๑ ก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผู้เสียหายที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้ปกครองหรือ
ผู้ดูแล และจ่าสิบต ารวจ ภ. กับพันต ารวจตรี น. ทราบตั้งแต่แรกตรงกับ
บันทึกค าให้การนั้น บันทึกค าให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายจึงรับฟังได้
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคสอง (๑) จ าเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกับจ าเลยที่ ๑
พาผู้เสียหายที่ ๑ ไปยังบ้านเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานต ารวจยังพบ
รถจักรยานยนต์ของจ าเลยที่ ๒ ล้มอยู่ที่บ้านเกิดเหตุ จ าเลยที่ ๒ และที่ ๓ คงอยู่
ในที่เกิดเหตุขณะที่จ าเลยที่ ๑ และที่ ๔ กับพวกร่วมกันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน
ข่มขืนกระท าช าเราผู้เสียหายที่ ๑ แต่จ าเลยที่ ๒ และที่ ๓ ไม่ได้ช่วยเหลือหรือ
ห้ามปราม ทั้งจ าเลยที่ ๓ กลับจะข่มขืนกระท าช าเราผู้เสียหายที่ ๑ อีกด้วย
แต่ได้ให้จ าเลยที่ ๑ กระท าก่อน ดังนั้น แม้จะไม่ได้ความว่าจ าเลยที่ ๒ และที่ ๓