Page 164 - 2557 เล่ม 1
P. 164

๑๖๔



               ค าสั่งค าร้องที่ ท.๑๖๐/๒๕๕๗        นายชรินทร์หรือสิบตํารวจเอกชรินทร์

                                                   ทะไกรราช                                                         โจทก์
                                                   นางบุญเหลือ การถ กับพวก         จ าเลย

               ป.วิ.อ. ต้องห้ามฎีกา, อนุญาตให้ฎีกาในปงญหาข้อเท็จจริง, การรับฎีกา

                      มาตรา ๒๒๐, ๒๒๑, ๒๒๓


                      ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้าม

               มิให้คู่ความฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๐ เว้นแต่ผู้พิพากษาคนใดซึ่ง
               พิจารณาหรือลงชื่อในค าพิพากษาหรือท าความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือ

               ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาส าคัญ

               อันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกาหรืออัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรอง

               ในฎีกาว่ามีเหตุอันควรที่ศาลสูงสุดจะได้วินิจฉัยตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๑

               การที่โจทก์ยื่นค าร้องโดยตรงต่อศาลฎีกาเพื่อให้รับฎีกาของโจทก์
               ไว้พิจารณานั้น แม้โจทก์จะอ้างว่าฎีกาของโจทก์มีเหตุอันสมควรและ

               เป็นปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา

               ก็ตาม ก็ไม่มีบทกฎหมายใดให้อ านาจแก่ศาลฎีกาที่จะก้าวล่วงมีค าสั่งรับฎีกา

               ของโจทก์ไว้พิจารณาได้ ให้ยกค าร้อง และให้ศาลชั้นต้นตรวจสั่งฎีกา

               ของโจทก์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๓ ต่อไป
                                        ______________________



               ความว่า  ฎีกาของโจทก์มีเหตุสมควรที่จะฎีกาและเป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา

               พิพากษา ขอศาลฎีกาได้โปรดรับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณาและพิพากษาต่อไปด้วย
               หมายเหตุ  จําเลยทั้งสี่ไม่ได้รับสําเนาคําร้อง

                      โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจําเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓,

               ๙๑, ๑๕๗, ๓๕๘, ๓๕๙ (๔), ๓๖๒, ๓๖๓
                      ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
   159   160   161   162   163   164   165   166   167   168   169