Page 162 - 2557 เล่ม 1
P. 162
๑๖๒
ค าสั่งค าร้องที่ ท. ๒๑/๒๕๕๗ พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ โจทก์
นางทิพวัน เรืองบุณย์ โจทก์ร่วม
นายศุภกิจ สว่างวโรรส จ าเลย
ป.วิ.อ. ห้ามฎีกาในปงญหาข้อเท็จจริง มาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่ง, ๒๑๙
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจ าคุกจ าเลยกระทงละ ๑ ปี และปรับ
กระทงละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท รวม ๒ กระทง จ าคุก ๒ ปี และปรับ ๒๐๐,๐๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษจ าคุกไว้
แม้ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ จะพิพากษาลงโทษจ าคุกจ าเลยไม่เกินห้าปี แต่เป็น
กรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษาแก้ไขมากให้รอการลงโทษ
จ าเลย จึงไม่ต้องห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.
มาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่ง ทั้งเป็นคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค ๕
พิพากษาให้ลงโทษปรับจ าเลยกระทงละกว่าสี่หมื่นบาท ไม่อยู่ในบังคับ
ข้อห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๑๙ เช่นกัน
______________________
ความว่า จําเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคําสั่งว่า ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค ๕
ไม่อนุญาตให้ฎีกาในปงญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา
จําเลยเห็นว่า ฎีกาของจําเลยเป็นปงญหาสําคัญอันควรสู่ศาลฎีกา ขอศาลฎีกา
โปรดรับฎีกาของจําเลยไว้วินิจฉัย โปรดอนุญาต
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์และโจทก์ร่วมได้รับสําเนาคําร้อง
ระหว่างพิจารณา นางทิพวัน เรืองบุณย์ ผู้เสียหายยื่นคําร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์
ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘
ประกอบมาตรา ๘๓ การกระทําของจําเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้
ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑
จําคุกจําเลยกระทงละ ๑ ปี และปรับกระทงละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท รวม ๒ กระทง