Page 63 - 2557 เล่ม 1
P. 63
๖๓
ฟังว่า ป. มารดาโจทก์ที่ ๒ มิได้ยกบ้านให้แก่โจทก์ที่ ๒ บ้านที่เกิดเหตุไม่ใช่
ของโจทก์ที่ ๒ และโจทก์ที่ ๒ เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีที่พนักงานอัยการเป็น
โจทก์ ค าพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ย่อมผูกพันโจทก์ที่ ๒ และจ าเลยที่ ๓
กับพวกตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๕ วรรคหนึ่ง คดีนี้ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่า ป. มิได้
ยกบ้านให้แก่โจทก์ที่ ๒ โจทก์ที่ ๒ จึงไม่อาจอ้างว่าได้ครอบครองบ้านเลขที่ ๒๙
อย่างเป็นเจ้าของ
___________________
โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคําฟ้องว่าเดิมที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๙๕๐ ตําบลหัวสําโรง
อําเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เนื้อที่ ๒๘ ไร่ ๒ งาน ๕๒ ตารางวา เป็นของนางแฟง
ปี ๒๔๕๓ นางแฟงยกที่ดินเฉพาะส่วนเนื้อที่ ๒ ไร่ ให้แก่นางภู นางภูปลูกบ้านและ
พืชผักสวนครัว ครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ
ตลอดมา ปี ๒๔๘๐ นางภูยกที่ดินของตนด้านทิศใต้เนื้อที่ประมาณ ๒ งาน ให้แก่
นายกลึง พี่ต่างบิดาของโจทก์ที่ ๑ ปลูกบ้านอยู่อาศัยและทําประโยชน์ หลังจากนั้น
มีการขุดคลองและทําถนนผ่านที่ดินส่วนนี้ จึงคงเหลือเนื้อที่อยู่ประมาณ ๑ งาน ๘๘ ตารางวา
นายกลึงยกที่ดินและบ้านให้แก่นางเรียน มารดาของโจทก์ที่ ๑ ปี ๒๕๑๐ นางเรียน
ยกบ้านและที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ที่ ๑ โจทก์ที่ ๑ ครอบครองที่ดินโดยความสงบ
และโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อเรื่อยมาถึง ๔๐ ปี ปี ๒๔๙๐ นางภู
ยกที่ดินที่เหลือประมาณ ๑ ไร่ ๒ งาน และบ้านให้แก่นางเปลื้อง มารดาของโจทก์ที่ ๒
ภายหลังนางเปลื้องยกที่ดินบางส่วนให้แก่นางลพ พี่ของโจทก์ที่ ๒ และนายรถบิดา
ของจําเลยที่ ๒ ที่ดินส่วนที่เหลือเนื้อที่ ๒ งาน ๒๒ ตารางวา นางเปลื้องและโจทก์ที่ ๒
ครอบครองอยู่อาศัยด้วยกัน ปี ๒๕๓๕ นางเปลื้องถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ ๒ ได้
ครอบครองที่ดินสืบต่อมาจนถึงปงจจุบันโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนา
เป็นเจ้าของ โจทก์ทั้งสองจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเฉพาะส่วนของตนโดยการครอบครอง
จําเลยทั้งแปดมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๙๕๐ ปี ๒๕๕๐ จําเลยที่ ๒ และที่ ๓
เป็นโจทก์ฟ้องจําเลยที่ ๑ และที่ ๔ ถึงที่ ๘ ขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวม จําเลยทั้งแปด
ทําสัญญาประนีประนอมยอมความตามแผนที่วิวาทและศาลได้พิพากษาตามยอม