Page 49 - หนังสือที่ระลึกพิธีเปิด E-book
P. 49
42
เมื่ออ้างเอาคำพิพากษาศาลฎีกามาเทียบเคียงก็ยากจะเถียงถก คง
ั
ต้องเดินงก ๆ ไปแอบเสาแล้วแถลงเบา ๆ ว่า ข้อเท็จจริงที่มีมาในปุจฉาฯ ข้างต้นกบ
ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลฎีกานั้น ยังไม่เหมือนกันดิก พอที่จะรวบรัดได้ถนัด
ใจว่ากรณีต้องวินิจฉัยไปตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว (เหตุที่นายจ้างมี
คำสั่งให้ลูกจ้างปฏิบัติในคำพิพากษานั้น เนื่องมาจากนายจ้างมีข้อสงสัยตามสมควร
ว่าลูกจ้างป่วยเป็นโรคปอดอักเสบจริงหรือไม่) โรคปอดอักเสบเป็นโรคซึ่งเกิดขึ้นตาม
ลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทำงาน ซึ่งนายจ้างต้องจ่ายทั้งค่าทดแทน
และค่ารักษาพยาบาลให้แก่ลูกจ้างดังกล่าวตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ.
2537 แต่เหตุที่นายจ้างสั่งให้ลูกจ้างปฏิบัติตามที่ปุจฉามานั้น ไม่ปรากฏว่า
เนื่องมาจากเหตุใด แต่คงคำนึงถึงการป้องกัน รักษา ควบคุมมิให้ลูกจ้างเป็นโรคโควิด
หรือเป็นพาหะของโรคโควิด ซึ่งแม้นายจ้างจะมีวัตถุประสงค์ที่ดีต่อบรรดาลูกจ้าง
แต่ก็ไม่มีบทกฎหมายฉบับใดบัญญัติให้นายจ้างมีอำนาจสั่งเช่นนั้นได้อยู่ดี
แม้แต่พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 31 (1) (4) ก็
กำหนดให้นายจ้างที่เป็นเจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้านมีหน้าที่แจ้งต่อเจ้าพนักงาน
ควบคุมโรคติดต่อในกรณีที่พบผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อ
ดังกล่าวเกิดขึ้นในบ้าน และให้นายจ้างที่เป็นเจ้าของหรือผู้ควบคุมสถาน
ประกอบการแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในกรณีที่พบผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอัน
ควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อดังกล่าวเกิดขึ้นในสถานที่นั้นเท่านั้น และมาตรา 34 (1) (2)
ก็กำหนดว่า เมื่อเกิดโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดหรือมีเหตุสงสัยว่าได้เกิด
โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดในเขตพื้นที่ใด ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อใน
้
พื้นที่นั้นมีอำนาจสั่งใหผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย
หรือโรคระบาด หรือผู้ที่เป็นผู้สัมผัสโรคหรือเป็นพาหะมารับการตรวจหรือรักษา
หรือรับการชันสูตรทางการแพทย์ และอาจแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกต และสั่ง
้
ใหผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะติดโรคมารับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตามวัน เวลา และ