Page 1217 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 1217
๑๒๐๕
ๆ ซึ่งจะช่วยน าไปสู่การแก้ไขปัญหาของคดีและยังช่วยป้องกันสิทธิและผลประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
๑๑
ของคู่ความ ควบคู่กันไปด้วย
การน าบทบัญญัติเรื่องการเสนอบันทึกถ้อยค าแทนการชักถามพยานดังเช่นที่บัญญัติไว้ในประมวล
่
้
กฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๑๒๐/๑ มาใช้ในชั้นไต่สวนมูลฟองในคดีอาญาส าหรับบางฐาน
ิ
ความผิดที่มีข้อเท็จจริงชัดเจน ตายตัว ไม่จ าต้องอาศัยการจดจ าเหตุการณ์ของพยาน เช่น ความผิดฐาน
ฉ้อโกงประชาชนที่โดยปกติพยานมักเบิกความถึงจ านวนเงินที่ตนโอนให้แก่จ าเลยประกอบเอกสาร
การโอนเงินที่มีการระบุวันเวลาไว้อยู่แล้ว หรือความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาที่พยานต้อง
ั
เบิกความถึงข้อความที่จ าเลยหมิ่นประมาทโจทก์ประกอบเอกสารเป็นลายลักษณ์อกษรที่ชัดเจน ซึ่งจะเห็น
ั
ว่า การเบิกความของพยานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการเบิกความไปตามตัวอกษร ไม่ได้เป็นการ
ี
เบิกความถึงเหตุการณ์ที่ต้องอาศัยการจดจ า เมื่อรายละเอยดเรื่องจ านวนเงิน และข้อความหมิ่นประมาท
้
ระบุอยู่ในเอกสารที่โจทก์อางส่งเป็นพยานหลักฐานต่อศาลแล้ว ข้อเท็จจริงในรายละเอยดต่างๆ ก็ย่อม
ี
ปรากฏต่อศาล ไม่จ าเป็นที่จะต้องให้พยานเบิกความให้ศาลฟง แต่ที่ส าคัญก็คือว่าพยานบุคคลนั้นจะต้อง
ั
เบิกความรับรองเอกสารนั้นเพอให้เอกสารนั้นได้เข้าสู่ส านวนความ ซึ่งจากประสบการณ์การท างานของ
๑๒
ื่
ผู้เขียนพบว่า คดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ส่วนใหญ่เป็นคดีฉ้อโกงประชาชนที่พยานโจทก์ต้องเบิกความถึงตัวเลข
ซึ่งเป็นจ านวนเงินที่จ าเลยหลอกให้พยานมอบให้และส่งพยานหลักฐานการโอนเงินประกอบการเบิกความ
และคดีที่ไม่น้อยไปกว่าคดีฉ้อโกงประชาชนก็คือคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาที่พยานโจทก์ต้องเบิก
ความถึงข้อความที่จ าเลยหมิ่นประมาทโจทก์และส่งพยานหลักฐานเป็นเอกสารประกอบการเบิกความ
แม้ว่ากระบวนพจารณาคดีแพงและคดีอาญามีความแตกต่างกัน เนื่องจากคดีแพงมีจุดประสงค์
่
่
ิ
เพอเป็นหลักประกันของการด ารงคงอยู่ซึ่งความสงบเรียบร้อยทางกฎหมายในส่วนที่เป็นกฎหมายแพง
ื่
่
ส่วนคดีอาญามีเป้าหมายที่จะติดตามหรือค้นหาและปราบปรามลงโทษการฝ่าฝืนกฎหมายอาญา ตามหลัก
่
ิ
ทั่วไปนั้น ในคดีแพงศาลไม่สามารถที่จะริเริ่มคดีด้วยตนเอง กระบวนพจารณาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการ
เริ่มต้นคดีโดยคู่ความ ซึ่งเป็นไปตามหลักความประสงค์ของคู่ความ (principle of disposition) ส่วนใน
คดีอาญา รัฐมีอานาจด้วยตนเองที่จะค้นพบการฝ่าฝืนกฎหมายและติดตามหาตัวผู้กระท าผิดมาลงโทษ
นอกจากนี้ ตามหลักความประสงค์ของคู่ความ คู่ความจะเป็น “ผู้ควบคุมกระบวนพจารณา” และ
ิ
สามารถที่จะก าหนดขอบเขตของวัตถุแห่งคดี โดยคู่ความสามารถที่จะท าการประนีประนอมยอมความกัน
ิ
น าข้อพพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาด หรือตกลงกันเรื่องศาลที่จะมีอานาจพจารณาพพากษา โจทก์ยังมี
ิ
ิ
้
้
์
สิทธิถอนฟอง ส่วนจ าเลยก็สามารถยอมรับตามคาฟองของโจทกได้ หลักเกณฑ์ต่างๆ ดังกล่าวมีเหตุผลมา
จากความส าคัญของการที่คดีแพงเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวของเอกชน “หลักความประสงค์ของ
่
๑๑ วรรณชัย บุญบ ารุง, ธนกฤต วรธนัชชากุล, สิริพันธ์ พลรบ, หลักและทฤษฎีกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง,
พิมพ์ครั้งที่ ๓ (กรุงเทพมหานคร : ส านักพิมพ์วิญญูชน, ๒๕๕๖), หน้า ๒๓๕.
ี่
๑๒ พรเพชร วิชิตชลขัย, ค าอธิบายกฎหมายลักษณะพยาน, พิมพ์ครั้งท ๑ (กรุงเทพมหานคร : ส านักพิมพ์รัชดา,
๒๕๓๖), หน้า ๑๕๒.

