Page 17 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 17
๔
ิ
และข้อกฎหมาย” มาตรา ๒๒๗ วรรคหนึ่ง “ให้ศาลใช้ดุลพนิจวินิจฉัยชั่งน้้าหนักพยานหลักฐานทั้งปวง
ิ
อย่าพพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระท้าผิดจริงและจ้าเลยเป็นผู้กระท้าความผิดนั้น” และวรรคสอง
“เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจ้าเลยได้กระท้าความผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้
ี
จ้าเลย” จึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยเพยงสองประเด็นว่า มีการกระท้าผิดเกิดขึ้นหรือไม่และจ้าเลยเป็น
ผู้กระท้าผิดนั้นหรือไม่ จากพยานหลักฐานทั้งปวงตามมาตรา ๒๒๖ “พยานวัตถุ พยานเอกสาร หรือพยาน
บุคคล ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจ้าเลยผิดหรือบริสุทธิ์ ให้อ้างเป็นพยานหลักฐานได้ แต่ต้องเป็นพยานชนิดที่มิได้
เกิดจากการจูงใจ มีค้ามั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น และให้สืบตามบทบัญญัติแห่ง
ประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยพยานหลักฐาน” ซึ่งเดิมมิได้มีบทบัญญัติห้ามรับฟังพยานบอก
เล่าไว้ แต่ให้เป็นอสระของศาลในการใช้ดุลพนิจพจารณาว่าพยานบอกเล่าไม่ว่าจะเป็นวัตถุพยาน พยาน
ิ
ิ
ิ
ี
เอกสารหรือพยานบุคคลใด จะรับฟงได้หรือไม่และมีน้้าหนักให้รับฟงมากน้อยเพยงใด แต่ต่อมาได้มี
ั
ั
พระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ บัญญัติเพมเติม
ิ่
ิ
มาตรา ๒๒๖/๓ ห้ามรับฟงพยานบอกเล่าโดยมีข้อยกเว้นไว้ และมาตรา ๒๒๗/๑ ก้าหนดหลักเกณฑ์ในการ
ั
วินิจฉัยชั่งน้้าหนักพยานบอกเล่าเพอลงโทษจ้าเลยไว้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการคุ้มครองสิทธิของจ้าเลย
ื่
ในการที่จะได้รับการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยอย่างเป็นธรรมตามมาตรฐานสากลในการได้รับการพิจารณาคดี
อย่างเป็นธรรม
มาตรฐานสากลในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม
ตามข้อ ๑๔ ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International
covenant on civil and political right: ICCPR) ซึ่งประเทศไทยได้ให้ภาคยานุวัติเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม
ิ
๒๕๓๙ ก้าหนดไว้ว่า จ้าเลยย่อมมีสิทธิในการได้รับการพจารณาคดีอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม โดยคณะ
้
ตุลาการซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย มีอานาจ มีความเป็นอสระและเป็นกลาง ทั้งได้ก้าหนดมาตรฐานการ
ิ
ิ
ด้านตุลาการขั้นต่้าเพอให้เกิดการพจารณาคดีอย่างเป็นธรรม รวมทั้งข้อบท ๓ ประการ ที่เกี่ยวข้องกับ
ื่
หลักพยานบอกเล่าคือ ความเท่าเทียมกันในการต่อสู้คดี (Equality of arms)สิทธิที่จะซักถามพยานและ
หลักการที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าจ้าเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ (Presumption of innocence)
2
ในการพิจารณาคดีอาญาในปัจจุบัน โดยเฉพาะในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ รัฐจะอยู่ในฐานะที่
ได้เปรียบจ้าเลย เนื่องจากมีความพร้อมกว่าในทุกด้าน รวมทั้งในการด้าเนินกระบวนพจารณาคดี เช่น
ิ
ิ
การระบุบัญชีพยานโดยไม่ต้องระบุชื่อเอกสาร ตามค้าพพากษาฎีกาที่ ๑๐๓๒๘/๒๕๕๕ ประมวลกฎหมาย
วิธีพจารณาความอาญา บัญญัติเรื่องการยื่นบัญชีพยานไว้โดยเฉพาะตามมาตรา ๑๗๓/๑, ๑๗๓/๒
ิ
และ ๒๔๐ แล้ว โดยมีเจตนารมณ์ไม่เน้นบังคับให้โจทก์ต้องระบุชื่อเอกสารแต่ละฉบับหรือวัตถุแต่ละอนไว้
ั
้
ที่โจทก์อางบัญชีพยานโดยระบุว่า สรรพเอกสารและวัตถุพยานในส้านวนการสอบสวน จึงชอบแล้ว ทั้งใน
กรณีที่ต้องส่งพยานเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของตนต่อศาลเพอให้คู่ความอกฝ่ายหนึ่งตรวจสอบ
ื่
ี
2 บทความเรื่อง ข้อสังเกตด้านกฎหมาย ๒ พยานบอกเล่าและมาตรฐานสากลในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม
ตุลาคม ๒๕๕๑ INTERNATIONAL COMMISSION OF JURISTS