Page 21 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 21

๘


                  ผู้ถูกจับมีสิทธิจะให้การหรือไม่ให้การก็ได้ กับไม่มีข้อความว่าถ้อยค้าของผู้ถูกจับนั้นอาจใช้เป็น

                                                                                            ็
                  พยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้แต่อย่างใด แม้จะมีข้อความแจ้งสิทธิเรื่องทนายความกเป็นการแจ้งสิทธิ
                                                                                                         ื่
                  ไม่ครบถ้วนตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓ วรรคสอง บัญญัติ ฉะนั้น ถ้อยค้าอน
                  ของจ้าเลยตามบันทึกการจับกุมจะรับฟงเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของจ้าเลยหาได้ไม่เช่นกัน
                                                  ั
                  ดังนั้น บันทึกการจับกุมจึงไม่อาจอางเป็นพยานหลักฐานได้เพราะเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยไม่ชอบ
                                               ้
                  ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖

                             ิ
                         ค้าพพากษาฎีกาที่ ๗๒๔๕/๒๕๕๔ แม้ว่ากฎหมายจะห้ามมิให้ศาลรับฟงค้ารับสารภาพในชั้นจับกุม
                                                                                   ั
                                                                                          ิ
                                                          ิ
                                                  ิ
                  ของจ้าเลยเป็นพยานหลักฐานในการพจารณาพพากษาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา
                  มาตรา ๘๔ วรรคท้าย แต่กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามมิให้ศาลน้ามาเป็นเหตุบรรเทาโทษแก่จ้าเลย ซึ่งถือได้ว่า
                  ค้าให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นเหตุบรรเทาโทษโดยเหตุอนที่มีลักษณะท้านองเดียวกันกับเหตุบรรเทา
                                                                      ื่
                  โทษที่กฎหมายก้าหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ วรรคสอง

                             ิ
                         ค้าพพากษาฎีกาที่ ๑๔๙๕๓/๒๕๕๕ หลังจากเกิดเหตุไม่นาน เจ้าพนักงานต้ารวจท้าการสืบสวน
                  ทราบว่า ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับเวลาเกิดเหตุ จ้าเลยทั้งสองกับพวกนั่งอยู่บริเวณหน้าบ้านเกิดเหตุ จึงสืบหา
                     ั
                  ที่พกของจ้าเลยที่ ๑ และน้าจ้าเลยทั้งสองกับพวกอก ๒ คน มาสอบถามเหตุการณ์ว่ารู้เห็นเรื่องปล้นทรัพย์
                                                            ี
                  หรือไม่ จ้าเลยทั้งสองกับพวกยอมรับว่าพวกตนเป็นคนร้าย ตามบันทึกค้าให้การผู้ให้ถ้อยค้า จากนั้นจ้าเลย
                  ทั้งสองกับพวกพาเจ้าพนักงานต้ารวจไปเอามีดที่ใช้ท้าร้ายและทรัพย์ที่ลักไปบางส่วนของกลางที่ข้างหลังที่
                  พกของจ้าเลยที่ ๑ ตามบันทึกการตรวจยึด หลังจากนั้นจึงออกหมายจับ ชั้นสอบสวนปฏิเสธ การให้ถ้อยค้า
                   ั
                  ของจ้าเลยทั้งสองรวมทั้งการน้าเจ้าพนักงานต้ารวจไปเอาของกลาง เชื่อว่าเกิดจากความสมัครใจของจ้าเลย

                  ทั้งสอง การที่จ้าเลยทั้งสองให้ถ้อยค้าแก่เจ้าพนักงานต้ารวจตามบันทึกค้าให้การผู้ให้ถ้อยค้า เป็นการกระท้า
                  ก่อนที่เจ้าพนักงานต้ารวจจะจับกุมจ้าเลยทั้งสองเป็นผู้ต้องหา ซึ่งในกรณีที่มีความผิดอาญาเกิดขึ้นย่อมเป็น
                  หน้าที่ของเจ้าพนักงานต้ารวจที่จะด้าเนินการสืบสวนเพอแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานในการหาตัว
                                                                  ื่
                  คนร้าย การที่จ้าเลยทั้งสองให้ถ้อยค้าแก่เจ้าพนักงานต้ารวจดังกล่าว จึงหาใช่เป็นการให้ถ้อยค้าในฐานะ

                  ผู้ถูกจับไม่ จึงไม่จ้าเป็นต้องมีการแจ้งสิทธิแก่จ้าเลยทั้งสองก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความ
                                                                                               ิ
                                                                                            ์
                  อาญา มาตรา ๘๔ วรรคท้าย และสามารถน้ามารับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทกได้
                         จากแนวค้าพพากษาฎีกาดังกล่าว ค้ารับสารภาพของผู้ถูกจับว่าตนได้กระท้าผิดในชั้นจับกุม รวมถง
                                                                                                         ึ
                                    ิ
                                      ื่
                                                                          ี
                  ค้ารับที่เคยให้ไว้ในคดีอนด้วย ไม่อาจรับฟงเป็นพยานหลักฐานได้อกต่อไป ไม่ว่าจะแจ้งสิทธิตามกฎหมาย
                                                     ั
                  แล้วหรือไม่ก็ตาม แต่ค้ารับสารภาพที่ให้ต่อเจ้าพนักงานต้ารวจในขั้นตอนการสืบสวน ซึ่งยังไม่มีอ้านาจจับกุม
                  นั้น สามารถรับฟังได้เนื่องจากเป็นค้ากล่าวที่เป็นปรปักษ์ต่อผู้กล่าวเอง
                                                                           ิ
                                                 ิ
                         นอกจากนี้ ยังมีบทบัญญัติพเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๒ ตรี
                  วรรคท้าย ในกรณีที่ไม่ได้ตัวพยานซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบแปดปีมาเบิกความต่อศาลเพราะมีเหตุจ้าเป็น
                                   ั
                  อย่างยิ่ง ให้ศาลรับฟงสื่อภาพและเสียงค้าให้การของพยานในชั้นสอบสวนตามมาตรา ๑๓๓ ทวิ ซึ่งถือเป็น
                  พยานบอกเล่า หรือชั้นไต่สวนมูลฟ้องตามมาตรา ๑๗๒ ตรี วรรคสาม เสมือนหนึ่งเป็นค้าเบิกความของพยาน
                            ิ
                  นั้นในชั้นพจารณาประกอบพยานอนได้ กับมาตรา ๒๒๖/๕ ในชั้นพจารณาหากมีเหตุจ้าเป็นหรือ
                                                                                ิ
                                                  ื่
   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26