Page 26 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 26

๑๓


                  ประกอบค้าให้การในชั้นสอบสวนของเด็กหญิง ป. ตามบันทึกค้าให้การ ล้วนเป็นเพียงพยานบอกเล่า ซึ่งห้าม

                  มิให้ศาลรับฟังตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคหนึ่ง และไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะรับฟังแต่อย่างใด

                             ิ
                         ค้าพพากษาศาลฎีกาที่ ๙๒๕/๒๕๕๒ ค้าให้การในชั้นสอบสวนของจ้าเลยที่ให้การว่าเหตุที่จ้าเลยใช้
                  เหล็กปลายแหลมแทงผู้เสียหายเพราะจ้าเลยสืบทราบว่า ผู้เสียหายมีส่วนร่วมในการฆ่าญาติของจ้าเลยเป็น

                                                                                            ั
                                              ั
                  พยานบอกเล่า ต้องห้ามมิให้รับฟงเป็นพยานหลักฐานและไม่มีเหตุเข้าข้อยกเว้นให้รับฟงได้ตาม ป.วิ.อ.
                  มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคสอง (๑) (๒)

                             ิ
                         ค้าพพากษาศาลฎีกาที่ ๑๐๓๒๓/๒๕๕๔ โจทก์ขอหมายเรียกผู้เสียหายมาศาลในวันนัดสืบพยาน
                  ครั้งแรก ผู้เสียหายมาศาลในวันดังกล่าวแล้ว แต่ไม่อาจสืบพยานได้เพราะโจทก์น้าพยานปาก ส. เข้าเบิก

                                                                                        ื่
                  ความต่อศาลยังไม่แล้วเสร็จและขออนุญาตเลื่อนคดีไปสืบพยานปากผู้เสียหายในวันอน ศาลจึงให้ผู้เสียหาย
                                                                 ี
                  ลงชื่อทราบนัดไว้ แต่หลังจากนั้นผู้เสียหายก็ไม่มาศาลอกจนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์แถลงเพยงว่า
                                                                                                     ี
                  โจทก์ได้ติดตามและสอบถามเจ้าพนักงานต้ารวจทราบว่าผู้เสียหายอยู่กับมารดาซึ่งมีอาชีพรับจ้าง มีที่อยู่ไม่
                  เป็นหลักแหล่ง จึงไม่ทราบว่าผู้เสียหายอยู่ที่ใด โดยไม่ปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่า ไม่สามารถติดตามตัว
                  ผู้เสียหายมาศาลได้อย่างแน่นอน แม้ศาลชั้นต้นมีค้าสั่งงดสืบพยานโจทก์ก็เป็นดุลพนิจของศาลชั้นต้น
                                                                                          ิ
                  เนื่องจากเห็นว่าโจทก์ขอเลื่อนคดีมาหลายครั้ง ไม่แน่ว่าจะสามารถติดตามผู้เสียหายมาสืบได้หรือไม่เท่านั้น

                  กรณียังถือไม่ได้ว่ามีเหตุจ้าเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ศาลรับฟังสื่อภาพและเสียงค้าให้การผู้เสียหายเสมือนหนึ่งเป็น
                  ค้าเบิกความของผู้เสียหายในชั้นพจารณาของศาลได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๗๒ ตรี วรรคสี่ ค้าให้การของ
                                              ิ
                  ผู้เสียหายและม้วนวีดิทัศน์การถามปากค้าผู้เสียหายในชั้นสอบสวนจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่า แม้ตามมาตรา

                                                                          ั
                  ๒๒๖/๓ มีข้อยกเว้นให้ศาลรับฟงพยานบอกเล่าได้ แต่ศาลต้องรับฟงด้วยความระมัดระวังและไม่ควรเชื่อ
                                             ั
                                        ั
                                           ื่
                                                                                           ิ
                  พยานหลักฐานนั้นโดยล้าพงเพอลงโทษจ้าเลย เว้นแต่จะมีเหตุผลหนักแน่น มีพฤติการณ์พเศษแห่งคดีหรือมี
                  พยานหลักฐานประกอบอนมาสนับสนุนตามมาตรา ๒๒๗/๑ วรรคหนึ่ง แต่พยานหลักฐานโจทก์อนๆ ที่จะ
                                       ื่
                                                                                                   ื่
                                                                                         ั
                  รับฟงประกอบวีดิทัศน์การถามปากค้าผู้เสียหาย ล้วนแต่เป็นพยานบอกเล่าที่รับฟงข้อเท็จจริงมาจาก
                      ั
                  ผู้เสียหาย ซึ่งข้อเท็จจริงแวดล้อมของพยานบอกเล่าไม่มีน้้าหนักเพยงพอที่จะพสูจน์ความจริงว่า จ้าเลยเป็น
                                                                                   ิ
                                                                         ี
                  คนร้ายกระท้าช้าเราผู้เสียหายได้ (ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ ศาลอุทธรณ์ยืน ศาลฎีกากลับยกฟ้อง)
                         ค้าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๕๐๖/๒๕๖๒ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖/๕ บัญญัติว่า "ในชั้นพิจารณาหาก
                  มีเหตุจ้าเป็นหรือเหตุอนสมควร ศาลอาจรับฟงบันทึกค้าเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟองหรือบันทึกค้าเบิก
                                     ั
                                                                                        ้
                                                        ั
                  ความของพยานที่เบิกความไว้ในคดีอน ประกอบพยานหลักฐานอื่นในคดีได้" ตามบทบัญญัติดังกล่าวจะเห็น
                                                ื่
                  ได้ว่า ศาลอาจรับฟังบันทึกค้าเบิกความของพยานที่เบิกความไว้ในคดีอื่นมาประกอบพยานหลักฐานอื่นในคดี
                  ได้ เฉพาะกรณีที่มีเหตุจ้าเป็นหรือเหตุอนสมควร เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ศาลชั้นต้นได้ออกหมายเรียก
                                                   ั
                  ผู้เสียหายและ ม. หลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้ตัวผู้เสียหายและ ม. มาเบิกความเป็นพยาน ศาลชั้นต้นจึงออก

                  หมายจับผู้เสียหายและ ม. แต่โจทก์ก็ไม่ได้ตัวมาสืบ ทั้งเหตุคดีนี้เกิดขึ้นเป็นเวลา ๑๐ ปีเศษแล้ว จึงเป็นการ
                  ยากที่โจทก์จะติดตามผู้เสียหายและ ม. มาเป็นพยานได้ประกอบกับโจทก์ตรวจสอบข้อมูลในระบบทะเบียน
                  ราษฎร์แล้วพบว่า ผู้เสียหายเปลี่ยนจากชื่อเดิมเป็น ป. ส่วน ม. ไม่พบข้อมูล อกทั้งโจทก์ยังได้แถลงว่าเจ้า
                                                                                   ี
                  พนักงานต้ารวจไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับแหล่งที่อยู่ของผู้เสียหายและ ม. เพมเติม จึงน่าเชื่อว่าโจทก์ไม่สามารถ
                                                                             ิ่
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31