Page 28 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 28

๑๕



                  ปัญหาและแนวทางแก้ไข
                                                               ิ
                         ๑.ปัญหาการตีความตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญามาตรา ๒๒๖/๕ กรณีค้าพพากษา
                                                                                                    ิ
                  ฎีกาที่ ๒๑๙๐/๒๕๖๓ ศาลน้าค้าเบิกความของผู้เสียหายในคดีอนมาฟงประกอบบันทึกค้าให้การในชั้น
                                                                         ื่
                                                                              ั
                  สอบสวนของผู้เสียหายเองในคดี
                         ค้าพิพากษาที่ ๒๑๙๐/๒๕๖๓ ผู้เสียหายที่ ๑ ได้รับหมายเรียกให้มาเป็นพยาน เมื่อถึงวันนัดกลับไม่

                  มาและไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นจึงออกหมายจับเพอเอาตัวมาเป็นพยานแต่ไม่ได้ตัวมาจนต้องงด
                                                                    ื่
                  สืบพยาน พฤติการณ์ในการหลบหนีและไม่ยอมมาเบิกความในชั้นพจารณาของผู้เสียหายที่ ๑ จึงมีเหตุ
                                                                            ิ
                  จ้าเป็นและมีเหตุผลสมควรเพอประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะรับฟังบันทึกค้าให้การของผู้เสียหายที่ ๑ ซึ่ง
                                          ื่
                                                                                                    ั
                                                                                     ั
                  เป็นพยานบอกเล่า ตามป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคสอง(๒) และถือได้ว่ามีเหตุอนสมควรที่จะรับฟงบันทึก
                  ค้าเบิกความของผู้เสียหายที่ ๑ ที่เบิกความไว้ในคดีอน ประกอบพยานหลักฐานอนในคดีได้ ตามป.วิ.อ.
                                                               ื่
                                                                                       ื่
                  มาตรา ๒๒๖/๕
                         ค้าเบิกความของผู้เสียหายที่ ๑ ในคดีอื่นที่พวกของจ้าเลยถูกฟ้องว่าร่วมกระท้าผิดกับจ้าเลย แม้เบิก
                  ความหลังเกิดเหตุถึง ๙ ปีเศษ ยังสอดคล้องกับบันทึกค้าให้การของผู้เสียหายที่ ๑ ที่เป็นพยานบอกเล่า ซึ่ง

                  ผู้เสียหายที่ ๑ ได้เล่าเหตุการณ์การกระท้าผิดของจ้าเลยกับพวกในเวลาใกล้ชิดกับเหตุ และชี้ภาพถ่ายว่า
                                                           ี
                  จ้าเลยเป็นผู้ที่ข่มขืนกระท้าช้าเราผู้เสียหายที่ ๑ อกทั้งยืนยันถึงเหตุที่จ้าจ้าเลยได้ จึงเป็นพยานหลักฐานที่มี
                  เหตุผลอันหนักแน่น ตามป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๗/๑ วรรคหนึ่ง รับฟังได้ว่าจ้าเลยเป็นคนร้าย
                         เห็นว่า ตามป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖/๕  บัญญัติว่า “ในชั้นพจารณา หากมีเหตุจ้าเป็นหรือเหตุอน
                                                                                                        ั
                                                                          ิ
                  สมควร ศาลอาจรับฟังบันทึกค้าเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง หรือบันทึกค้าเบิกความของพยานที่เบิกความ
                                                  ื่
                          ื่
                  ไว้ในคดีอนประกอบพยานหลักฐานอนในคดีได้” ค้าเบิกความในบทบัญญัตินี้ถือเป็นพยานบอกเล่าที่ให้
                  อ้านาจศาลรับฟังได้นอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๒๖/๓ แต่ต้องฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นในคดี
                                                    ิ
                  ซึ่งพยานหลักฐานอนในคดีมีแนวตามค้าพพากษาฎีกาที่ ๘๐/๒๕๖๑ น้าบันทึกค้าเบิกความของผู้เสียหายที่
                                  ื่
                                       ั
                                  ื่
                  เบิกความไว้ในคดีอนไปฟงประกอบค้าเบิกความของพนักงานสอบสวนในคดีเกี่ยวกับการตรวจสถานที่เกิด
                  เหตุซึ่งอยู่ห่างจากถนน ๑๕๐ เมตร ซึ่งเป็นที่เปลี่ยวและไม่มีแสงสว่าง และค้าพพากษาฎีกาที่ ๓๕๐๖/
                                                                                      ิ
                                                                        ื่
                                                                             ั
                  ๒๕๖๒ น้าบันทึกค้าเบิกความของผู้เสียหายที่เบิกความไว้ในคดีอนไปฟงประกอบกับค้าให้การของนาย ห
                  นาย ช นาย ณ และ นาย ก ผู้ร่วมกระท้าผิดกับจ้าเลย และค้าเบิกความพนักงานคุมประพฤติซึ่งสอบ
                                                 ั
                  ข้อเท็จจริงจากนาย ช และ นาย ณ อนมิใช่บันทึกค้าให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายนั้นเอง และตามค้า
                  พิพากษาฎีกาที่ ๑๐๓๒๓/๒๕๕๔ ( ดังกล่าวข้างต้น) ค้าให้การและม้วนวีดีทัศน์การถามปากค้าผู้เสียหายเป็น

                  เพียงพยานบอกเล่า พยานหลักฐานอื่นๆของโจทก์ก็ล้วนแต่เป็นพยานบอกเล่าที่รับฟังมาจากผู้เสียหาย จึงยัง
                         ั
                  ไม่พอฟงลงโทษจ้าเลย ดังนั้นบันทึกค้าให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายและบันทึกค้าเบิกความของ
                                                                 ั
                                                                                                         ั
                                          ื่
                  ผู้เสียหายที่บันทึกไว้ในคดีอนต่างเป็นพยานบอกเล่า อนมีแหล่งที่มาจากบุคคลเดียวกัน หากให้รับฟง
                  ประกอบกันได้ โดยล้าพงยิ่งท้าให้จ้าเลยที่ไม่มีโอกาสถามค้านพยานบอกเล่าเพอท้าลายน้้าหนัก
                                        ั
                                                                                          ื่
                  พยานหลักฐานในทั้งสองคดี ยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นทั้งยังขัดต่อหลักในการพจารณาคดีอย่างเป็นธรรมมาก
                                                                                 ิ
                  ยิ่งขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งน่าจะไม่ต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายนัก หากกฎหมายประสงค์ให้รับฟังได้คงไม่ต้อง
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33