Page 33 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 33
๒๐
ั
้
ี
ดังกล่าวอนเป็นเครื่องมือส้าคัญที่สุดที่จ้าเลยจะท้าลายน้้าหนักค้าพยานบอกเล่านี้อก ยิ่งเป็นคดีฟองข้อหา
ข่มขืนกระท้าช้าเราที่ผู้เสียหายเป็นเด็ก โดยมีการกระท้ามากหลายสิบครั้งอย่างต่อเนื่องยาวนานยากแก่การ
จดจ้าของจ้าเลย และมีประจักษ์พยานคือผู้เสียหายปากเดียว แต่ผู้เสียหายไม่เบิกความต่อศาล ไม่ว่าอาจ
เพราะกลัวความผิดที่ให้การเท็จไว้ หรือเหตุใดก็ตามที่มิใช่เกิดจากการกระท้าของจ้าเลย ยิ่งเกิดความ
ิ
เสียเปรียบมาก ศาลจึงควรนัดพจารณาคดีอย่างต่อเนื่องโดยการเว้นช่วงระยะเวลาระหว่างการสืบพยาน
้
โจทก์กับการสืบพยานจ้าเลย หรือใช้อานาจตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๕
ิ
ิ
ื่
ิ
ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๓๙ เลื่อนการนั่งพจารณาออกไปเพอให้โอกาส
่
ั
ิ
จ้าเลยได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เพื่อลดปัญหาความไม่เท่าเทียมกนในการด้าเนินกระบวนพจารณา โดยค้านึงถึง
มาตรฐานขั้นต่้าที่ควรจะมีในการด้าเนินคดีของโจทก์ ที่มีภาระการพสูจน์ว่าจ้าเลยเป็นผู้กระท้าผิดให้สิ้นข้อ
ิ
สงสัยอนสมควรประกอบด้วย และบางคดีที่พนักงานอยการเป็นโจทก์ในส้านวนการสอบสวนอาจมีบันทึก
ั
ั
ค้าให้การของพยานบางคนให้การเป็นประโยชน์แก่จ้าเลย หรือไม่สอดคล้องกับบันทึกค้าให้การของ
้
ผู้เสียหายที่โจทก์ไม่อางส่ง เนื่องจากพนักงานอยการโจทก์เป็นผู้วินิจฉัยชั่งน้้าหนักพยานหลักฐานเบื้องต้นใน
ั
ื่
้
้
การมีค้าสั่ง เห็นควรสั่งฟอง หรือเห็นควรสั่งไม่ฟอง ในกรณีเช่นนี้ เพอความรอบคอบ หากเห็นจ้าเป็นศาล
ควรใช้อานาจที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๕ เรียกส้านวนการสอบสวน
ิ
้
ั
ื่
จากพนักงานอยการโจทก์มาเพอประกอบค้าวินิจฉัย และมาตรา ๒๒๘ อาจสืบพยานเพมเติมตามที่เห็น
ิ่
ิ
ั
จ้าเป็นและสมควร แม้อยู่ระหว่างนัดฟงค้าพพากษาแต่ต้องระมัดระวังมิให้เป็นการเพมเติมคดีโจทก์ซึ่ง
ิ่
บกพร่องอนจะเป็นผลร้ายแก่จ้าเลยยิ่งขึ้นไปอก ตามค้าพพากษาฎีกาที่ ๑๙๐๒๑/๒๕๒๑ แม้เสร็จการ
ั
ี
ิ
ิ
สืบพยานแล้ว และอยู่ระหว่างนัดฟงค้าพพากษา เนื่องจากจ้าเลยน้าสืบปรักปร้าว่า อยการโจทก์และ
ั
ั
ผู้เสียหายใช้อทธิพลในการด้าเนินคดี ศาลจึงเรียกนาย ส. และ นายอ. มาสืบพยานเพมเติมเพอต้องการ
ื่
ิ
ิ่
ทราบความจริงได้ มิใช่เป็นการเพมเติมคดีโจทก์ซึ่งบกพร่อง และค้าพพากษาฎีกาที่ ๔๕๔๕/๒๕๓๑
ิ่
ิ
ในคดีอาญา ศาลสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ที่ไม่มาศาลไปแล้ว ต่อมาระหว่างสืบพยานจ้าเลยพยานมาศาล
ี
เนื่องจากเป็นประจักษ์พยานโจทก์เพยงปากเดียวที่รู้เห็นเกี่ยวกับประเด็นในคดี ศาลย่อมมีอานาจสั่งให้
้
สืบพยานดังกล่าวได้
บทสรุป
ความสุจริตและความเที่ยงธรรมของผู้พพากษา ไม่เป็นปัญหาที่จะยกขึ้นโต้เถียง แต่ค้าพพากษา
ิ
ิ
อาจมีข้อโต้แย้ง เพราะอาจมีความผิดพลาดในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีที่รับฟง
ั
พยานบอกเล่าเป็นหลักหรือรับฟงพยานบอกเล่าโดยล้าพงในการพพากษาลงโทษจ้าเลย ทั้งที่พยานที่ดีที่สุด
ั
ิ
ั
หรือพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณียังมีอยู่ หรือโดยไม่เปิดโอกาสให้จ้าเลยได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ตามสิทธิที่ควร
้
ได้รับการพจารณาคดีอย่างเป็นธรรม หรือไม่ใช้อานาจที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา
ิ
ิ
ในการค้นหาข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุดโดยไม่เป็นการเพมเติมพยานหลักฐานโจทก์ซึ่งบกพร่อง และเมื่อมี
ิ่
กรณีเป็นที่สงสัยตามสมควร เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย กับสิทธิและเสรีภาพ
ของจ้าเลยแล้ว สมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จ้าเลย ดังค้ากล่าวที่ว่า ปล่อยคนผิดสิบคน ดีกว่า
ลงโทษผู้บริสุทธิ์เพียงคนเดียว