Page 32 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 32
๑๙
ก็ให้ศาลตั้งให้ ในการสอบสวนและในการแจ้งข้อกล่าวหาต้องมีที่ปรึกษาของเด็กและเยาวชนอยู่ด้วยทุกครั้ง
เห็นได้ชัดว่า กฎหมายประสงค์ให้มีบุคคลตามที่กฎหมายก้าหนดไว้ดังกล่าวอยู่ด้วยในการสอบถามเด็กหาก
่
เป็นไปได้ในทุกกรณี เพราะเด็กหรือเยาวชนยังอยู่ในวัยเยาว์ออนต่อโลก ขาดความรู้ความเข้าใจในค้าถาม
ื่
ขาดความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะจับกุมเด็กหรือเยาวชนอาจอยู่ในอาการ
ตื่นเต้น ตกใจ กลัว กับอาจถูกชักจูงจากค้าถามได้ง่าย และส้านึกแรกต้องการเอาตัวรอด ท้าให้ข้อเท็จจริงที่
ได้รับจากถ้อยค้าของเด็กในขณะนั้นอาจไม่ครบถ้วน คลาดเคลื่อน หรือไม่เป็นความจริง กฎหมายจึงห้าม
สอบถามค้าให้การเด็กในชั้นจับกุมไว้ และห้ามศาลน้าถ้อยค้าที่เด็กให้ไปพสูจน์ความผิดและให้รับฟงได้
ั
ิ
ื่
เฉพาะส่วนที่เป็นคุณเท่านั้น เพอป้องกันผลเสียหายที่จะเกิดกับเด็ก เพราะหากเป็นความเท็จและไปกระทบ
กับบุคคลอน อาจถูกฟองเป็นคดีอาญาได้ ต่างจากในชั้นจับกุมบุคคลซึ่งไม่ใช่เด็กหรือเยาวชน ซึ่งกฎหมาย
้
ื่
ื่
บัญญัติไว้โดยชัดแจ้งว่าในชั้นจับกุม ห้ามรับฟงค้ารับสารภาพของผู้ต้องหา แต่ถ้อยค้าอนให้รับฟงได้หาก
ั
ั
ได้รับการแจ้งสิทธิตามกฎหมายแล้ว หากกฎหมายประสงค์จะให้รับฟังถอยค้าอื่นๆของเด็กนอกจากในส่วนที่
้
เป็นคุณได้คงบัญญัติไว้ชัดแจ้งเช่นเดียวกันแล้ว นอกจากนี้หากประสงค์จะน้าถ้อยค้าของเด็กไปเป็นพยาน
การสอบถามค้าพยานเด็กซึ่งอายุไม่เกน ๑๘ ปี ในความผิดอื่นที่มีโทษจ้าคุก เช่นคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ
ิ
ถ้าเด็กร้องขอต้องจัดให้มีนักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์ บุคคลที่เด็กร้องขอ หรือพนักงานอยการร่วม
ั
ในการสอบปากค้านั้นด้วย หากไม่ปฏิบัติตามถือว่าบันทึกค้าให้การของเด็กเป็นพยานหลักฐานที่ไม่ชอบด้วย
กฎหมาย ไม่สามารถรับฟังได้ ตามค้าพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๒๖๕/๒๕๕๑ ๑๒๗๓/๒๕๕๙ และ ๒๕๔๙/๒๕๕๙
ที่ว่าพนักงานสอบสวนสอบค้าให้การ ป.ซึ่งเป็นเด็กอายุ ๑๗ ปีโดย ไม่ได้จัดให้มีนักจิตวิทยาหรือนักสังคม
ั
สงเคราะห์ บุคคลที่เด็กร้องขอ พนักงานอยการเข้าร่วมในการถามปากค้าไม่ชอบตามป.วิ.อ. มาตรา ๑๓๓
ทวิ วรรคท้าย รับฟังบันทึกค้าให้การของเด็กในชั้นสอบสวนไม่ได้ ตามมาตรา ๒๒๖ การแปลความว่า ป.วิ.อ.
มาตรา ๗/๑ ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.๒๕๕๐ ไม่ได้ก้าหนดว่า การสอบ
ิ
ค้าให้การชั้นจับกุม ผู้ต้องหาที่เป็นเด็กต้องมีนักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์ หรือที่ปรึกษากฎหมาย
หรือบุคคลที่เด็กไว้วางใจอยู่ด้วย และไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดห้ามน้าค้าให้การชั้นจับกุมของผู้ต้องหา
ที่เป็นเด็กมาเป็นพยานหลักฐานเพอพิสูจน์ความผิดของบุคคลอื่น หรือจ้าเลยในคดีอื่น อาจท้าให้เกิดช่องโหว่
ื่
ของกฎหมายและถูกน้าไปใช้ในทางที่ส่งผลเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมโดยรวม ซึ่งอาจไม่ต้องตาม
เจตนารมณ์ของกฎหมาย จึงควรจัดให้มีการประชุมใหญ่ของศาลฎีกาเพอหาความชัดเจนหรือเสนอ
ื่
ขอแก้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
๓.ปัญหาในการคุ้มครองสิทธิของจ้าเลยในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม
ิ
ดังได้กล่าวมาในบทน้าถึงมาตรฐานสากลในการพจารณาคดีอย่างเป็นธรรมในส่วนเกี่ยวกับหลัก
พยานบอกเล่าแล้วว่า จ้าเลยมีสิทธิที่จะได้รับความเท่าเทียมกันในการต่อสู้คดี มีสิทธิที่จะซักถามพยานและ
ั
ได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจ้าเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่การที่พนักงานอยการโจทก์สามารถระบุ
ิ
พยานหลักฐานที่จะอางองในบัญชีพยานว่า สรรพเอกสารในส้านวนการสอบสวน และไม่ต้องส่งส้าเนา
้
เอกสารบันทึกคาให้การของพยานให้ฝ่ายจ้าเลยก่อนสืบพยานปากนั้นๆ ล้วนท้าให้จ้าเลยเสียเปรียบไม่ทราบ
้
ว่าเป็นบันทึกค้าให้การของใครและให้การว่าอย่างไร ข้อเท็จจริงใดบ้างที่ไม่ถูกต้องหรือเป็นเท็จ หรือท้าให้
จ้าเลยได้รับความเสียหายอย่างไร ไม่อาจต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ และยังไม่มีสิทธิที่จะถามค้านพยานบอกเล่า