Page 27 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 27

๑๔


                                                                                                         ั
                                                                                    ั
                  น้าตัวผู้เสียหายและ ม. มาเบิกความต่อศาลได้ ถือว่ากรณีมีเหตุจ้าเป็นหรือเหตุอนสมควร ที่ศาลอาจรับฟง
                                                                      ื่
                                                                                             ื่
                  บันทึกค้าเบิกความของผู้เสียหายและ ม. ที่เบิกความไว้ในคดีอนประกอบพยานหลักฐานอนของโจทก์คือ
                                                                       ื่
                  ค้าให้การของนาย ห นาย ช นาย น และ นาย ภ จ้าเลยในคดีอนซึ่งร่วมกระท้าความผิดกับจ้าเลยในคดีนี้
                  และค้าเบิกความนาย น และ นาง ป พนักงานคุมประพฤติผู้สอบข้อเท็จจริงจากนาย ช และ นาย น ได้ตาม
                  บทบัญญัติดังกล่าว

                                                                                       ี
                         ค้าพพากษาฎีกาที่ ๘๐/๒๕๖๑ โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความ คงมีเพยงบันทึกค้าให้การของ
                             ิ
                  ผู้เสียหายในชั้นสอบสวนและภาพถ่ายการชี้ที่เกิดเหตุ วันสืบพยานผู้เสียหายมาศาลเบิกความได้ ๑๐ นาที
                                                    ิ่
                  แล้วแถลงว่า จ้าเรื่องราวไม่ได้เนื่องจากเพงคลอดบุตรศาลเลื่อนคดีไปแต่ไม่มาศาลตามนัด ศาลออกหมายจับ
                                                                                       ั
                                                                            ิ
                  ไม่ได้ตัวมา พฤติการณ์หลบหนีของผู้เสียหาย ถือได้ว่ามีพฤติการณ์พเศษที่จะรับฟงบันทึกค้าให้การของ
                                                                                                   ื่
                                                                      ั
                  ผู้เสียหายตามป.วิ.อ.ม. ๒๒๗/๑ และมีเหตุอนสมควรที่จะรับฟงค้าเบิกความของผู้เสียหายในคดีอนที่พวก
                                                       ั
                  ของจ้าเลยถูกฟองในการกระท้าความผิดเดียวกัน ประกอบค้าเบิกความของพนักงานสอบสวนในคดีนี้
                               ้
                  เกี่ยวกับการไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบว่าอยู่ห่างจากถนน ๑๕๐ เมตรซึ่งเป็นที่เปลี่ยวและไม่มีแสงสว่าง ฟัง
                  ลงโทษจ้าเลยได้

                         จากค้าพพากษาดังกล่าวข้างต้น ในช่วงแรกหลังการบังคับใช้ประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความ
                                                                                               ิ
                                 ิ
                  อาญามาตรา ๒๒๖/๓ และมาตรา ๒๒๗/๑ เกี่ยวกับการรับฟงพยานบอกเล่า มีปัญหาการตีความกฎหมาย
                                                                    ั
                  ว่า บันทึกค้าให้การต่างๆที่พนักงานสอบสวนท้าขึ้นเป็นพยานบอกเล่าที่รับฟังได้หรือไม่ เช่นค้าพิพากษาฎีกา
                                                                               ั
                                         ิ
                  ที่ ๔๑๑๒/๒๕๕๒ และค้าพพากษาฎีกาที่ ๙๑๔/๒๕๕๒ วินิจฉัยว่า รับฟงไม่ได้ แต่มีหมายเหตุท้ายฎีกาที่
                  ๔๑๑๒/๒๕๕๒ ของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าหากบทบัญญัติของกฎหมายที่เพิ่มเติมใหม่ในเรื่องพยานบอก

                                                                        ิ
                  เล่า มีปัญหาของการตีความที่น่าจะชัดแย้งกับบรรทัดฐานของค้าพพากษาศาลฎีกาเดิม และเกิดข้อสงสัยถึง
                  ความชอบธรรมในกระบวนการสอบปากค้าของพยานในชั้นสอบสวน ซึ่งไม่อาจใช้ในชั้นศาลได้ ก็ควรที่จะมี
                  การสร้างความชัดเจนของหลักกฎหมายในเรื่องนี้ ไม่ว่าในการพจารณาของที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา หรือ
                                                                      ิ
                  โดยกระบวนการแก้ไขเพมเติมกฎหมาย ต่อมามีค้าพพากษาฎีกาที่ ๑๐๓๒๓/๒๕๕๔ วินิจฉัยว่า บันทึก
                                                               ิ
                                       ิ่
                  ค้าให้การของผู้เสียหายเป็นพยานบอกเล่าที่รับฟงได้ หลังจากนี้จนถึงปัจจุบันก็มีแนวค้าพพากษาศาลฎีกา
                                                          ั
                                                                                            ิ
                                                                                                      ื่
                  เดินตามมาท้าให้หมดปัญหาไป ในส่วนการวินิจฉัยชั่งน้้าหนักพยานบอกเล่าประกอบพยานหลักฐานอนที่มี
                                                                       ั
                                                                                          ั
                                ิ
                  แหล่งที่มาเป็นอสระจากพยานบอกเล่านั้นเอง หรือโดยล้าพงเนื่องจากมีเหตุผลอนหนักแน่น หรือมี
                                                    ิ
                            ิ
                  พฤติการณ์พเศษแห่งคดี ยังไม่มีแนวค้าพพากษาศาลฎีกาที่ชัดเจนแน่นอน ว่าพยานบอกเล่าใดมีน้้าหนักให้
                      ั
                                                                               ั
                                           ั
                  รับฟงมากน้อยเพยงใด และฟงประกอบพยานหลักฐานใดบ้างจึงจะรับฟงพอลงโทษจ้าเลยได้ ขึ้นอยู่กับ
                                 ี
                                                                                     ์
                  ข้อเท็จจริงในคดีเป็นเรื่องๆไป และดุลพินิจของผู้วินิจฉัยแต่ละคนไป หาหลักเกณฑที่แน่นอนยังไม่ได้ เช่นค้า
                   ิ
                  พพากษาฎีกาที่ ๘๙๕๙/๒๕๕๘ ศาลชั้นต้นลงโทษ ศาลอทธรณ์กลับ ยกฟอง ศาลฎีกากลับให้บังคับคดีตาม
                                                                              ้
                                                                 ุ
                                  ิ
                                                                                                        ้
                  ศาลชั้นต้น และค้าพพากษาฎีกาที่ ๑๓๐๒๓/๒๕๕๔ ศาลชั้นต้นลงโทษ ศาลอทธรณ์ยืน ศาลฎีกากลับ ยกฟอง
                                                                                ุ
                                                                      ิ
                                                                                                    ิ
                  แต่มีปัญหาควรพจารณาเกี่ยวกับการตีความกฎหมายตามค้าพพากษาฎีกาที่ ๓๗๕๓/๒๕๖๐ ค้าพพากษา
                                ิ
                  ฎีกาที่ ๒๑๙๐/๒๕๖๒ และสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมของจ้าเลยดังนี้
   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32