Page 24 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 24
๑๑
ั
ดังนั้น การจะน้าค้ารับสารภาพและการน้าชี้ที่เกิดเหตุชั้นสอบสวนของจ้าเลยมาฟงลงโทษจ้าเลย
โจทก์จะต้องมีพยานประกอบมาสืบให้เห็นว่าจ้าเลยกระท้าความผิดจริง ทั้งพยานประกอบต้องมิใช่ค้าของ
ื่
เจ้าพนักงานต้ารวจผู้สอบสวน เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอนมาสืบประกอบค้ารับสารภาพในชั้นสอบสวน
้
ของจ้าเลยพยานหลักฐานเท่าที่โจทก์น้าสืบจึงยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจ้าเลยกระท้าผิดจริงตามฟอง
หรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ วรรคสอง
ค้าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๔๙๙/๒๕๕๗ โจทก์ไม่มีพยานที่รู้เห็นว่าจ้าเลยทั้งสามเป็นคนร้าย แม้โจทก์
ี
มีค้ารับสารภาพของจ้าเลยที่ ๑ ที่ ๒ ในชั้นสอบสวน แม้มีรายละเอยดในการกระท้าผิด แต่เป็นเพยงพยาน
ี
ิ
บอกเล่า ชั้นพจารณาจ้าเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การปฏิเสธ โจทก์ต้องมีพยานประกอบอนมาสนับสนุน แต่ต้องมิใช่
ื่
ค้าของเจ้าพนักงานต้ารวจผู้สอบสวนค้ารับนั้นเอง บันทึกการน้าชี้ที่เกิดเหตุประกอบค้ารับสารภาพและ
ภาพถ่ายประกอบการน้าชี้เป็นส่วนหนึ่งของค้ารับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนก็ไม่ท้าให้
ิ
พยานหลักฐานของโจทก์มีน้้าหนักดีขึ้น ไม่อาจถือว่าเป็นเหตุผลอนหนักแน่นหรือมีพฤติการณ์พเศษแห่งคดี
ั
โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอนที่ใช้เชื่อมโยงถึงการกระท้าของจ้าเลยทั้งสามมาสนับสนุน พยานโจทก์ที่น้าสืบ
ื่
มามีความสงสัยตามสมควรว่าจ้าเลยทั้งสามร่วมกันกระท้าผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้
จ้าเลยทั้งสาม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ วรรคสอง
ิ
ค้าพพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๖๒๖/๒๕๕๓ พฤติการณ์การกระท้าของจ้าเลยกับข้อเท็จจริงที่ได้จาก
ิ
เจ้าพนักงานต้ารวจผู้จับกุมซึ่งกระท้าการตามหน้าที่และไม่มีเหตุให้กลั่นแกล้งจ้าเลย น่าเชื่อว่าจะพสูจน์
ความจริงได้ จึงไม่ต้องห้ามที่จะน้ามารับฟังเป็นพยานแวดล้อมกรณี ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖/๓ (๑) บันทึก
ค้าให้การในชั้นสอบสวนและพยานหลักฐานอื่นของผู้เสียหายในการยืนยันตัวจ้าเลย อันเป็นเพียงพยานบอก
เล่าซึ่งโดยหลักต้องห้ามมิให้รับฟง เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้น และแม้จะเข้าข้อยกเว้น ในการรับฟัง ศาลจะต้อง
ั
ท้าด้วยความระมัดระวัง แต่เมื่อปรากฏว่าผู้เสียหายมาศาลและพร้อมที่จะเข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์
ิ
ระหว่างรอการพจารณาคดี มีญาติของจ้าเลยสองคนเข้าไปพูดคุยกับผู้เสียหาย จากนั้นผู้เสียหายออกไปจาก
ศาลโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ ศาลชั้นต้นออกหมายจับผู้เสียหายเพอน้าตัวมาเป็นพยานหลายนัด แต่ไม่ได้ตัว
ื่
มาจนต้องงดสืบพยานปากผู้เสียหาย การหลบหนีและไม่ยอมมาเบิกความของผู้เสียหายน่าเชื่อว่า
เพื่อช่วยเหลือจ้าเลย ถือเป็นกรณีมีเหตุจ้าเป็นไม่อาจเอาผู้เสียหายมาเบิกความได้อันเป็นข้อยกเว้นให้ศาลรับ
ิ
ั
ฟงพยานบอกเล่าได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖/๓ (๒) และยังถือได้ว่าเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์พเศษแห่งคดี
ศาลย่อมรับฟังพยานบอกเล่าดังกล่าวเพอลงโทษจ้าเลยได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๗/๑ วรรคหนึ่ง
ื่
ค้าพพากษาศาลฎีกาที่ ๗๐๐๘/๒๕๕๔ ผู้เสียหายเบิกความเป็นพยานว่า ขณะจ้าเลยกระท้าช้าเรา
ิ
ผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ได้ขัดขืนเพราะเห็นว่าจ้าเลยเป็นบิดา แต่ให้การตามบันทึกค้าให้การต่อหน้าบุคคล
ที่ผู้เสียหายร้องขอ พนักงานอัยการ และนักสังคมสงเคราะห์ว่า ขณะจ้าเลยกระท้าช้าเราผู้เสียหาย ผู้เสียหาย
ั
ได้ร้องขอไม่ให้จ้าเลยท้า จ้าเลยไม่ฟงและผู้เสียหายก็มีร่างกายไม่สมประกอบ ไม่มีแรงที่จะขัดขืน ผู้เสียหาย
เป็นบุตรจ้าเลยและเบิกความตอบทนายจ้าเลยถามค้านว่า ผู้เสียหายยังรักจ้าเลยและไม่ประสงค์จะเอาเรื่อง
จ้าเลย เชื่อว่าผู้เสียหายเบิกความในชั้นพิจารณาเพื่อช่วยเหลือจ้าเลย ค้าให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย จึง
ิ
น่าเชื่อกว่าค้าเบิกความ แม้ค้าให้การในชั้นสอบสวนจะเป็นพยานบอกเล่าแต่เมื่อพจารณาตามสภาพ