Page 19 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 19

๖


                         บันทึกค้าให้การชั้นจับกุมหรือบันทึกค้าให้การชั้นสอบสวนล้วนเป็นพยานบอกเล่า (ค้าพิพากษาฎีกา

                                                                  ิ
                                     ิ
                  ที่ ๗๒๔๕/๒๕๕๔ ค้าพพากษาฎีกาที่ ๗๕๑๕/๒๕๕๖ ค้าพพากษาฎีกาที่ ๑๘๓๒/๒๕๕๔ ค้าพพากษาฎีกาท      ี่
                                                                                               ิ
                  ๒๖๔๒ ถึง ๒๖๔๓/๒๕๕๔ ค้าพิพากษาฎีกาที่ ๓๑๑๘/๒๕๕๙
                         ค้าบอกกล่าวของผู้ตายขณะรู้สึกตัวว่าจะตาย เป็นพยานบอกเล่า ค้าพิพากษาฎีกาที่ ๘๗๗๕/๒๕๕๒
                         ค้าเบิกความของพนักงานสอบสวนที่ได้จากการไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนรู้เห็น

                  ข้อเท็จจริงนี้มาโดยตรง มิใช่พยานบอกเล่า ค้าพิพากษาฎีกาที่ ๘๐/๒๕๖๑
                                                ิ
                         ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคสอง บัญญัติว่า “ห้ามมิให้
                  รับฟงพยานบอกเล่า เว้นแต่ (๑) ตามสภาพ ลักษณะ แหล่งที่มาและข้อเท็จจริงแวดล้อมของพยานบอกเล่า
                      ั
                  นั้น น่าเชื่อว่าจะพิสูจน์ความจริงได้

                         (๒) มีเหตุจ้าเป็น เนื่องจากไม่สามารถน้าพยานบุคคลซึ่งเป็นผู้ที่ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความ
                  เกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็นพยานนั้นด้วยตนเองโดยตรงมาเป็นพยานได้ และมีเหตุผลสมควร เพื่อประโยชน์
                  แห่งความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานบอกเล่านั้น”

                         มีแนวค้าพิพากษาศาลฎีกา ดังนี้

                         ค้าพิพากษาฎีกาที่ ๔๒๘/๒๕๔๖ ค้ารับของจ้าเลยที่ว่าตนเป็นคนลักทรัพย์ผู้เสียหายไปต่อบุคคลอน
                                                                                                         ื่
                  ที่ไม่ใช่พนักงานสอบสวนนั้น แม้จะถือว่าเป็นค้ารับอันเป็นปฏิปักษต่อผลประโยชน์ของจ้าเลยและสามารถใช้
                                                                        ์
                  ยันจ้าเลยในชั้นพิจารณาของศาลได้ก็ตาม แต่โจทก์ต้องมีพยานหลักฐานอนมาประกอบให้เห็นว่าจ้าเลยเป็น
                                                                              ื่
                  ผู้กระท้าความผิดตามค้ารับด้วย จึงจะลงโทษจ้าเลยได้เพราะเป็นภาระหน้าที่ของโจทก์จะต้องน้าสืบให้เห็น

                  เช่นนั้น
                         ค้าพพากษาฎีกาที่ ๘๗๗๕/๒๕๕๒ แม้ค้าเบิกความของ ด.เป็นพยานบอกเล่า แต่ถ้อยค้าของผู้ตาย
                             ิ
                  ที่บอกกล่าวขณะรู้สึกว่าตนจะต้องถึงแก่ความตายว่า คนร้ายที่ยิงตนคือจ้าเลย ย่อมรับฟงเป็นพยาน
                                                                                                ั
                  หลักฐานว่าเป็นความจริงตามค้ากล่าวได้
                         ค้าพพากษาฎีกาที่ ๔๕๖๒/๒๕๕๓ แม้บันทึกค้าให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายและจ้าเลยที่ ๑
                             ิ
                                                                                                         ั
                  และที่ ๓ จะเป็นพยานบอกเล่า แต่ตามสภาพลักษณะแหล่งที่มาและข้อเท็จจริงแวดล้อมข้างต้น เมื่อรับฟง
                                                                                           ั
                  ประกอบกันแล้วมีเหตุผลเชื่อมโยงสนับสนุนกันเป็นล้าดับ จึงเป็นพยานหลักฐานที่รับฟงได้ตามประมวล
                             ิ
                  กฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖/๓ และน่าเชื่อว่าเป็นความจริง ส่วนที่จ้าเลยที่ ๑ และที่ ๒
                   ้
                                                         ้
                  อางว่า บันทึกค้าให้การของ อ. และ ว. ที่ถูกฟองไปก่อนในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๕๑๙/๒๕๔๖ เป็น
                                                                                               ้
                  พยานบอกเล่าซึ่งจ้าเลยที่ ๑ และที่ ๒ ไม่มีโอกาสถามค้านนั้น จ้าเลยที่ ๑ และที่ ๒ สามารถอางและน้าสืบ
                  อ. และ ว. เป็นพยานของตนได้ ข้ออ้างของจ้าเลยที่ ๑ และที่ ๒ จึงไม่มีเหตุผลให้รับฟัง

                         ค้าพพากษาฎีกาที่ ๓๘๔๓/๒๕๕๓ เมื่อโจทก์ไม่สามารถน้าผู้เสียหายและ ส. ซึ่งเป็นประจักษ์พยาน
                             ิ
                                                                          ื่
                  มาเบิกความต่อศาลต่อหน้าจ้าเลย จ้าเลยย่อมไม่มีโอกาสถามค้านเพอให้ข้อเท็จจริงเป็นที่กระจ่างแก่ศาลได้
                  นอกจากนี้อยู่ในวิสัยที่จะยังติดตามพยานปากนี้มาเบิกความได้ จึงมิใช่กรณีมีเหตุจ้าเป็นเนื่องจากไม่สามารถ
                  น้าบุคคลซึ่งเป็นผู้ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็นพยานนั้นด้วยตนเองโดยตรง

                                                ื่
                  มาเป็นพยานได้ และมีเหตุสมควรเพอประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะรับฟงพยานบอกเล่านั้นตามประมวล
                                                                                ั
                  กฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖/๓ (๒) คงมีพนต้ารวจโท ป. พนักงานสอบสวนเพยง
                              ิ
                                                                        ั
                                                                                                       ี
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24