Page 18 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 18

๕


                                                               ิ
                  ในวันตรวจพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๓/๒ และก่อนวัน
                  สืบพยานไม่น้อยกว่า ๗ วัน ในกรณีที่ไม่มีวันตรวจพยานหลักฐานตามมาตรา ๒๔๐ แต่มีข้อยกเว้นไว้ว่า
                                                                                   ื่
                  เอกสารนั้นเป็นค้าให้การของพยาน โดยสามารถส่งบันทึกค้าให้การของพยานเพอใช้ประกอบค้าเบิกความได้
                         ิ
                                                        ้
                  ตามค้าพพากษาฎีกาที่ ๑๒๒๘/๒๕๔๑ โจทก์อางส่งเอกสารประกอบค้าเบิกความ ศาลให้อกฝ่ายตรวจดูแล้ว
                                                                                            ี
                        ั
                                                                  ิ
                                                       ี
                  จึงรับฟงได้โดยไม่ต้องคัดส้าเนาเอกสารให้อกฝ่ายก่อนพจารณา ท้าให้จ้าเลยเสียเปรียบไม่ทราบว่าเป็น
                  ค้าให้การของใครและให้การว่าอย่างไร เสียโอกาสที่จะเตรียมพยานหลักฐานมาหักล้างท้าให้เกิดความไม่
                  เท่าเทียมในการต่อสู้คดี พยานบอกเล่าที่เป็นค้าเบิกความของพยานบุคคลหรือเอกสารยังไม่ใช่พยานที่ดีที่สุด
                  ผู้บอกเล่าอาจปรุงแต่ง เข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อน ถูกชักจูง ขู่เข็ญ หรือมิชอบโดยประการใดๆ  จ้าเลยไม่มี
                                                              ื่
                  สิทธิที่จะถามค้านเพอกระจายและค้นหาความจริงเพอท้าลายน้้าหนักพยาน ไม่ผ่านการสาบานตนและมา
                                   ื่
                  เบิกความต่อหน้าศาลเพอให้ตรวจสอบและประเมินความน่าเชื่อถือ ทั้งไม่รู้เห็นเหตุการณ์มาโดยตรง หาก
                                      ื่
                                                                                ั
                  เป็นเท็จไม่ต้องรับโทษ และการที่ศาลรับฟังพยานบอกเล่าเป็นหลักหรือรับฟงพยานบอกเล่าโดยล้าพัง อาจมี
                  ข้อผิดพลาดสูง ไม่เป็นไปตามหลักการที่สันนิษฐานไว้ก่อนว่า จ้าเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ ท้าให้จ้าเลยไม่ได้รับการ

                  พิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม


                  เนื้อหา/ความหมาย

                         หลักการห้ามรับฟังพยานบอกเล่าและข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

                         มาตรา ๒๒๖/๓ วรรคหนึ่ง “ข้อความซึ่งเป็นการบอกเล่าที่พยานบุคคลใดน้ามาเบิกความต่อศาล
                  หรือที่บันทึกไว้ในเอกสารหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งอ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาล หากน้าเสนอเพื่อพิสูจน์ความจริง

                  แห่งข้อความนั้น ให้ถือเป็นพยานบอกเล่า”
                         ยกตัวอย่าง พนักงานสอบสวนเบิกความว่า ในชั้นสอบสวนจ้าเลยให้การต่อพยานรับว่า จ้าเลยเป็น

                  ผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย พยานได้จัดท้าบันทึกค้าให้การของจ้าเลยไว้ ข้อความซึ่งเป็นการบอกเล่าที่ว่าจ้าเลย
                  เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ตามที่พนักงานสอบสวนเบิกความและที่ปรากฏในบันทึกค้าให้การนั้น พนักงาน

                  สอบสวนมิได้รู้เห็นเหตุการณ์มาด้วยตนเองโดยตรง และโจทก์น้าเสนอเพอพิสูจน์ความจริงว่า จ้าเลยเป็นผู้ใช้
                                                                             ื่
                  อาวุธปืนยิงผู้ตาย ถือเป็นพยานบอกเล่า ส่วนข้อเท็จจริงที่ว่า จ้าเลยให้การในชั้นสอบสวนตามบันทึก

                  ค้าให้การที่พยานจัดท้าเป็นประจักษ์พยานโดยตรง
                         มีแนวค้าพิพากษาฎีกาดังนี้

                         ค้ากล่าวที่เป็นปรปักษ์กับผลประโยชน์ของผู้กล่าวตามค้าพิพากษาฎีกาที่ ๔๒๘/๒๕๔๖
                                                                                                    ิ
                         ม้วนวีดีทัศน์สื่อภาพและเสียง ค้าให้การชั้นสอบสวนของเด็กตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณา
                  ความอาญา มาตรา ๑๓๓ ทวิ (ค้าพิพากษาฎีกาที่ ๔๑๑๒/๒๕๕๒ และค้าพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๓๒๓/๒๕๕๔)
                         บันทึกค้าให้การของผู้เสียหายหรือค้าให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของผู้ต้องหาหรือค้าให้การ
                                                                                              ิ
                  ซัดทอด ของผู้ร่วมกระท้าผิดในชั้นสอบสวนเหล่านี้ ถือว่าเป็นพยานบอกเล่าทั้งสิ้น (ค้าพพากษาฎีกาที่
                                                                                              ิ
                  ๘๙๓/๒๕๕๘ ค้าพพากษาฎีกาที่ ๑๘๖๓/๒๕๖๐ ค้าพพากษาฎีกาที่ ๑๑๕๓๐/๒๕๕๕ ค้าพพากษาฎีกาที่
                                                               ิ
                                  ิ
                                                                                              ิ
                                                                 ิ
                                   ิ
                  ๒๑๙๐/๒๕๖๓ ค้าพพากษาฎีกาที่ ๕๘๘๕/๒๕๕๔ ค้าพพากษาฎีกาที่ ๓๙๙๐/๒๕๕๐ ค้าพพากษาฎีกาที่
                  ๕๗๑๘/๒๕๕๕ ค้าพิพากษาฎีกาที่ ๖๕๐๖/๒๕๖๒
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23