Page 25 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 25
๑๒
ิ
ลักษณะ แหล่งที่มาและข้อเท็จจริงแวดล้อมของพยานบอกเล่าน่าเชื่อว่าจะพสูจน์ความจริงได้ ประกอบกับ
เป็นเรื่องผิดปกติวิสัยที่บุตรจะยินยอมให้บิดากระท้าช้าเรา ค้าให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายจึงมีเหตุผล
หนักแน่นรับฟังได้
ิ
ค้าพพากษาศาลฎีกาที่ ๘๙๓/๒๕๕๘ บันทึกค้าให้การในชั้นสอบสวนของผู้เสียหายและ ป. พยาน
ั
ี
โจทก์เป็นเพยงพยานบอกเล่า การวินิจฉัยพยานหลักฐานต้องรับฟงด้วยความระมัดระวังและไม่ควรเชื่อ
ั
ิ
ื่
ั
พยานหลักฐานนั้นโดยล้าพงเพอลงโทษจ้าเลยเว้นแต่จะมีเหตุผลอนหนักแน่น มีพฤติการณ์พเศษแห่งคดี
หรือมีพยานหลักฐานประกอบอื่นมาสนับสนุน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๗/๑ ผู้เสียหายให้การว่าขณะเกิดเหตุ
จ้าเลยยืนอยู่บนบ้านพกชั้นสาม ส่วน ป. ให้การว่าเห็นจ้าเลยอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านชั้นสาม ซึ่งขัดแย้งกับ
ั
ี
ภาพถ่ายบ้านจ้าเลยที่ไม่มระเบียงบ้าน ผู้เสียหายให้การว่าได้ยินเสียงจ้าเลยร้องหลังจากเสียงปืนนัดที่สองว่า
"เครียดโว้ย นอนไม่หลับ" แต่ ป. ให้การว่าเมื่อได้ยินเสียงปืนนัดแรกหันไปเห็นจ้าเลยถืออาวุธปืนพกจ้องมา
ี
ู
จากหน้าต่างบ้านชั้นสามแล้วยิงอกหนึ่งนัด จ้าเลยพดว่า "จบ" ผู้เสียหายให้การว่าขณะเกิดเหตุมีแสงไฟ
นีออนในบ้านจ้าเลยเปิดสว่างมองเห็นตัว ส่วน ป. ให้การว่าบ้านจ้าเลยไม่เปิดไฟ และพยานโจทก์ทั้งสอง
ตรวจดูและลงชื่อรับรองความถูกต้องในแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุว่าจ้าเลยใช้อาวุธปืนยิงผ่าน
หน้าต่างชั้นสองของบ้าน ค้าให้การในชั้นสวบสวนของพยานโจทก์ทั้งสองขัดแย้งแตกต่างกันโดยตลอด ส่อให้
ื่
เห็นถึงความไม่ยึดมั่นต่อความจริง มุ่งจะเสริมแต่งข้อเท็จจริงเพอปรักปร้าจ้าเลยมากกว่า จึงไม่มีเหตุผล
ั
ั
ั
อนหนักแน่นในการรับฟง การที่ศาลจะรับฟงค้าให้การในชั้นสอบสวนของพยานโจทก์ทั้งสองยิ่งกว่าค้าเบิก
ื่
ความต่อศาลนั้น จะต้องมีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าพยานโจทก์ทั้งสองเบิกความเพอช่วยเหลือจ้าเลยให้พ้นผิด
แต่โจทก์ไม่ได้ถามค้านหรือน้าสืบให้เห็นในความไม่น่าเชื่อถือในค้าเบิกความของพยานว่าเป็นการบ่ายเบี่ยง
ั
ิ
ข้อเท็จจริงเพอช่วยเหลือจ้าเลย จึงไม่มีพฤติการณ์พเศษแห่งคดีอนควรแก่การเชื่อถือ เมื่อโจทก์ไม่มี
ื่
พยานหลักฐานประกอบอื่นที่รับฟังได้มาสนับสนุน จึงไม่พอรับฟังลงโทษจ้าเลยได้
ค้าพพากษาศาลฎีกาที่ ๔๑๑๒/๒๕๕๒ตามบทบัญญัติของ ป.วิ.อ. มาตรา ๑๗๒ ตรี วรรคท้าย ให้ศาล
ิ
ั
รับฟงสื่อภาพและเสียงค้าให้การของพยานได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุจ้าเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ได้ตัวพยานมาเบิกความ
ต่อศาล แต่ทางพจารณาของโจทก์ได้ความว่า ในวันนัดสืบพยานโจทก์วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๗ โจทก์ได้
ิ
ขอหมายเรียกพยานปากเด็กหญิง ป. เป็นพยานเบิกความต่อศาลด้วย แต่ไม่ได้ตัวมาศาล โดยไม่ปรากฏว่า
เป็นเพราะเหตุใด ทั้งในรายงานกระบวนพิจารณาก็ไม่ได้ระบุรายละเอียดถึงเหตุผลที่พยานปากดังกล่าวไม่มา
เบิกความต่อศาลเช่นกัน แม้จะปรากฏในฎีกาของโจทก์ถึงสาเหตุการไม่ได้ตัวมาเบิกความเพราะเกิดความ
กลัว โดยยืนยันว่าโจทก์ได้แถลงถึงสาเหตุดังกล่าวให้ศาลทราบแล้ว ซึ่งถ้าหากเป็นจริงดังฎีกาของโจทก์แล้วก็
ไม่มีเหตุผลใดที่ศาลชั้นต้นจะไม่จดรายละเอียดค้าแถลงของโจทก์ไว้ในรายงานกระบวนพจารณา ข้ออ้างของ
ิ
โจทก์ดังระบุในฎีกาไม่อาจรับฟงได้ ดังนั้น กรณีที่ไม่ได้ตัวเด็กหญิง ป. มาเบิกความ ไม่ได้เป็นเพราะมีเหตุ
ั
ั
จ้าเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ศาลรับฟงสื่อภาพและเสียงค้าให้การเสมือนหนึ่งเป็นค้าเบิกความของพยานนั้นในชั้น
ิ
ื่
พจารณาของศาลได้ ส่วนพยานหลักฐานอนของโจทก์ซึ่งมี จ. ที่ทราบเหตุการณ์จากเด็กหญิง ป. และร้อย
ต้ารวจเอก ท. พนักงานสอบสวนผู้สอบปากค้าซึ่งต่างเบิกความยืนยันเหตุการณ์ที่ทราบจากเด็กหญิง ป.