Page 178 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 178

๑๖๕


                        เมื่อศึกษาสาเหตุของการก่ออาชญากรรมในสังคมพบว่า สภาพแวดล้อมด้านเศรษฐกิจเป็นสาเหตุ

                                                                                 ี่
                                                                                                ื้
                 ส าคัญท าให้บุคคลมีพฤติกรรมที่น าไปสู่การประกอบอาชญากรรม อาชญากรทก่ออาชญากรรมพนฐานส่วน
                 ใหญ่มีฐานะทางเศรษฐกิจต่ า มาจากครอบครัวที่มีปัญหายากจน มีรายได้ต่ า จึงเป็นที่ยอมรับว่า ปัญหาทาง
                                                                                                3
                 เศรษฐกิจ คือความยากจนเป็นสาเหตุส าคัญมากประการหนึ่งที่ท าให้เกิดอาชญากรรมขึ้นในสังคม  ประการ
                 ส าคัญขณะนี้ (ปี พ.ศ. ๒๕๖๔) ทั่วโลกก าลังเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
                 ๒๐๑๙ หรือ โควิด ๑๙ มาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ท าให้รัฐบาลไทยต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นเพื่อควบคุม

                 การระบาดของเชื้อโรค ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและการด าเนินชีวิตประจ าวัน
                 ของประชาชนภายในประเทศ ท าให้ปัญหาอาชญากรรมยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

                        คดีอาญาที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล มีจ านวนไม่น้อยที่ศาลพพากษายกฟองโจทก์ปล่อย
                                                                                            ้
                                                                                  ิ
                 จ าเลยไป และมีจ านวนอีกไม่น้อยที่ศาลพพากษาลงโทษจ าเลย โดยหากเป็นคดีอาญาความผิดร้ายแรง ศาล
                                                   ิ
                 มักจะเลือกลงโทษจ าคุก ส่วนคดีอาญาความผิดไม่ร้ายแรงและจ าเลยไม่สมควรได้รับโทษจ าคุก ศาลมักจะ

                 น าโทษปรับมาใช้ในการลงโทษ แต่จ าเลยซึ่งมีฐานะยากจนมักไม่มีเงินช าระค่าปรับและต้องถูกกักขังแทน
                 ค่าปรับทันทีในวันที่ศาลพิพากษา ทั้งที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง บัญญัติให้เวลาจ าเลย

                 ๓๐ วัน ในการน าเงินมาช าระค่าปรับ จึงท าให้เกิดข้อสงสัยว่า เมื่อศาลพพากษาให้ปรับจ าเลยแล้ว จ าเลย
                                                                             ิ
                                                                         ี
                 จะต้องช าระค่าปรับทันทีในวันที่ศาลพพากษา หรือจ าเลยยังมีเวลาอก ๓๐ วัน เพอหาเงินมาช าระค่าปรับ
                                                                                    ื่
                                                 ิ
                 และในการที่ศาลสั่งให้กักขังจ าเลยแทนค่าปรับทันทีโดยอาศัยเหตุอนควรสงสัยว่าจ าเลยจะหลีกเลี่ยงไม่
                                                                          ั
                 ช าระค่าปรับ ศาลจะอนุมานได้อย่างไรว่าพฤติการณ์เช่นไรจะเข้าลักษณะจ าเลยจะหลีกเลี่ยงไม่ช าระค่าปรับ
                 อันจะน าไปสู่การกักขงจ าเลยแทนค่าปรับไปพลางก่อนตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่งตอนท้าย สมควรแล้วหรือ
                                  ั
                 ยังที่ศาลซึ่งเป็นผู้ตีความและบังคับใช้กฎหมายจะปรับเปลี่ยนมุมมองในการกักขังจ าเลยแทนค่าปรับในวันที่

                 ศาลพพากษา ด้วยเหตุผลที่ว่า “จ าเลย(ผู้ต้องโทษปรับ)จะหลีกเลี่ยงไม่ช าระค่าปรับ” ทั้งหมดนี้เป็นปัญหา
                      ิ
                 ในการน าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ มาใช้ ในขณะที่บทบัญญัติมาตรานี้ยังไม่ชัดแจ้งและไม่
                 สอดคล้องกบสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ก าลังประสบปัญหาข้างต้น ซึ่งอาจเป็นการใช้กฎหมายอย่างจ ากัด
                          ั
                 ครัดเคร่งถึงขนาดขาดความยืดหยุ่นผ่อนปรนจนมีผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับจ าเลยซึ่งมีฐานะทาง
                                                        ี
                 เศรษฐกิจต่ าและเป็นที่พงหลักของครอบครัว อกทั้งเป็นการใช้ทรัพยากรบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะ
                                     ึ่
                 เป็นก าลังส าคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยามนี้อย่างไม่คุ้มค่าและเสียประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อเทียบกับผล

                                                       ึ
                 เล็กน้อยที่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาจะพงได้รับจากขั้นตอนการบังคับโทษปรับ ซึ่งผู้ศึกษาเห็นควรน า
                 บทบัญญัติมาตรา ๒๙ มาวิเคราะห์เพอแนวทางในการปฏิบัติงานของศาลเพอให้เกิดความเป็นธรรมกับ
                                                 ื่
                                                                                 ื่
                 จ าเลยที่ต้องโทษปรับหรือถูกกักขังแทนค่าปรับ ลดการคุมขังโดยไม่จ าเป็น ลดปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจ า
                  ั
                 อนจะเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาตลอดทั้งต่อตัวจ าเลย รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและ
                 สังคมโดยส่วนรวมในขณะนี้ยิ่งกว่าที่ผ่านมา




                        3  อัจฉรียา ชูตินันทน, อาชญาวิทยา และ ทัณฑวิทยา , (กรุงเทพมหานคร : ส านักพิมพ์วิญญูชน, ๒๕๕๕), หน้า
                                       ์
                 ๙๐-๙๑.
   173   174   175   176   177   178   179   180   181   182   183