Page 182 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 182
๑๖๙
ิ
กระบวนพจารณาครบถ้วนถูกต้องแล้ว จึงก าหนดให้ลงโทษอาญาโดยค าพพากษาของศาล แม้ในประมวล
ิ
ื่
กฎหมายอาญา มาตรา ๒ จะมิได้บัญญัติไว้ชัดแจ้งเช่นนั้น แต่ก็มีมาตราอนสนับสนุนให้เห็นว่าเป็นอานาจ
ของศาลเช่นในมาตรา ๒๐, ๒๒, ๒๔, ๒๘, ๓๒ และมาตรา ๓๕ เป็นต้น ฉะนั้นแม้จะมีการลงโทษในลักษณะ
เดียวกันกับศาลซึ่งกระท าโดยองค์การหรือคณะบุคคลหรือบุคคลอนโดยอาศัยอานาจตามกฎหมายหรือ
ื่
ิ
ิ
อานาจอนใด ถ้าไม่ใช่อานาจตุลาการโดยศาลหรือผู้พพากษาโดยผ่านกระบวนวิธีพจารณาถูกต้องแล้ว
ื่
จึงพพากษาลงโทษการกระท านั้น หากก าหนดโทษไว้ก็ไม่ใช่โทษในทางอาญา แม้จะมีการก าหนดลงโทษ
ิ
บุคคลใดไว้น่าจะถือว่าเป็นโทษในทางปกครองโดยอ านาจบริหาร ไม่ใช่ศาลพพากษา จะถือว่าเป็นการลงโทษ
ิ
ในทางอาญาน่าจะไม่ถูกต้อง เว้นแต่จะมีบทบัญญัติไว้เป็นพเศษ และไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งธรรมนูญ
ิ
11
ึ
เช่นศาลที่ตั้งขึ้นตามกฎอัยการศึกเวลาสงครามซึ่งกฎอัยการศกให้อ านาจไว้ เป็นต้น
๑.๓.๒ ความประสงค์ของการลงโทษ
แนวคิดการลงโทษผู้กระท าความผิดเป็นสิ่งที่สังคมก าหนดขึ้นเพอหาวิธีจัดการกบผู้กระท า
ั
ื่
ความผิด โดยวัตถุประสงค์ของการลงโทษอาจมีความแตกต่างกันตามยุคตามสมัย ในทางต ารามีผู้แบ่ง
ทฤษฎีการลงโทษไว้หลายประเภท แต่อาจแบ่งตามเจตนารมณ์ของการลงโทษเป็น ๓ กรณี คือ
๑) ทฤษฎีการลงโทษเพื่อแก้แค้น (Retribution)
ื่
ทฤษฎีการลงโทษเพอแก้แค้น เป็นทฤษฎีการลงโทษที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ถือเป็น
ทฤษฎีที่เก่าแก่ที่สุดอย่างหนึ่ง โดยมีแนวคิดว่า มนุษย์มีเจตจ านงอสระ (Free Will) มนุษย์มีเหตุผลอสระที่
ิ
ิ
จะกระท าการใด ๆ ภายใต้ความเชื่อและการตัดสินใจของตนเอง เมื่อกระท าการใดลงไปแล้วก็ต้อง
รับผิดชอบต่อการกระท าของตน หากการกระท านั้นเป็นความผิดหรือฝ่าฝืนต่อกฎของสังคมก็สมควรถูก
ลงโทษให้สาสมกับความผิดที่ตนเองได้กระท าลงไป เป็นการตอบสนองสัญชาติญาณที่รู้สึกโกรธแค้นเมื่อมี
ื้
การกระท าความผิด ตั้งอยู่บนพนฐานของอารมณ์โกรธเป็นหลัก ถ้าอารมณ์โกรธแค้นมากก็ต้องลงโทษมาก
ถ้าอารมณ์โกรธแค้นน้อยก็ลงโทษน้อย การลงโทษจะท าอย่างไรก็ได้
๒) ทฤษฎีการลงโทษแบบสัดส่วน (Just Deserts)
ทฤษฎีการลงโทษแบบสัดส่วน (Just Deserts) เป็นทฤษฎีการลงโทษแนวใหม่ โดยมี
แนวคิดแบบยุติธรรมทางกฎหมาย ผู้กระท าความผิดสมควรที่จะได้รับโทษ การลงโทษต้องได้สัดส่วนกับการ
กระท าความผิด ความรุนแรงของการลงโทษควรสอดคล้องกับความรุนแรงของอาชญากรรม ในลักษณะ ตา
ต่อตา ฟนต่อฟน การลงโทษตามทฤษฎีนี้ จึงมีแนวคิดว่าผู้กระท าความผิดสมควรถูกลงโทษเพราะเหตุผล
ั
ั
ดังนี้
12
11 สุปัน พูลทรัพย์, ค าอธิบายเรียงมาตรา ประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๑ บทบัญญัติทั่วไป ตั้งแต่มาตรา ๑ ถึง
์
มาตรา ๑๐๖ ประกอบด้วยค าพิพากษาศาลฎีกา ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๘, พิมพครั้งที่ ๔, (กรุงเทพมหานคร : โรง
พิมพ์แสวงสุทธิการพิมพ์, ๒๕๑๒, หน้า ๑๐๘-๑๐๙.
12 อรุณรตน ธ ารงศรีสข, การปรับแนวคิดการลงโทษใหไดสดสวน (Just Deserts) กบการพจารณา
ั
ั
ิ
่
ั
้
ุ
้
์
ิ
้
่
ความผดทีเด็กและเยาวชนเปนผูกระท าความผิดเกี่ยวกับเพศวาด้วยการขมขนกระท าช าเรา, คณะนิติศาสตร์
ื
่
็
่
สถาบนบณฑต พัฒนบริหารศาสตร์ ๒๕๖๒, สืบค้นเมื่อ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ จาก
ิ
ั
ั