Page 181 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 181
๑๖๘
แต่เนื่องจากเป็นหลักการใหม่จึงยังไม่มีหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ชัดเจนว่าการกระท าแค่ไหน เพียงใด ที่จะ
8
ถือว่าเป็นการกระท าที่เป็นความผิดร้ายแรง และควรก าหนดให้เป็นความผิดในทางอาญา
๑.๓ โทษ และการลงโทษ
จากเหตุที่การลงโทษนั้นเป็นวิธีการตอบโต้ของชุมชน (A means of Expressing Social
Disapproval or Reaction) ต่อผู้ละเมิดกฎระเบียบของสังคมในการที่กระท าที่ต้องโทษนั้น ๆ การลงโทษ
ผู้กระท าความผิดจึงเป็นหน้าที่ของรัฐไม่ใช่การแก้แค้นด้วยตนเอง ดังนั้น การลงโทษทางอาญาจึงเป็นสิ่งที่
9
สังคมส่วนรวมเห็นถึงความจ าเป็นอย่างหนึ่งที่ต้องมี
เนื่องจากโทษอาญามีลักษณะที่ร้ายแรงและเสียหายแก่ผู้ต้องโทษ จึงควรศึกษาถึงลักษณะของ
โทษอาญา และความประสงค์ของการลงโทษ
๑.๓.๑ ลักษณะของโทษทางอาญา
10
โทษส าหรับลงแก่ผู้กระท าความผิดมีดังนี้
๑) ประหารชีวิต
๒) จ าคุก
๓) กักขัง
๔) ปรับ
๕) ริบทรัพย์สิน
โทษตามที่ระบุในมาตรา ๑๘ เป็นโทษทั่วไปที่จะลงแก่ผู้กระท าความผิดในทางอาญา คือ
เป็นโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้ตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒
โทษตามที่ล าดับไว้นี้เป็นการระบุถึงความหนักเบาของโทษตามล าดับ ลดหลั่นกันลงมา เป็นการ
ตัดปัญหาว่าโทษไหนจะหนักเบากว่ากันอย่างไร โทษทั้ง ๕ ประเภทนี้ตามลักษณะย่อมแยกออกได้เป็นโทษ
ทางร่างกายอย่างหนึ่ง คือ โทษประหารชีวิต โทษเกี่ยวกับเสรีภาพอย่างหนึ่ง คือโทษจ าคุกและกักขัง
ซึ่งโทษจ าคุกอาจมีก าหนดเวลา หรือไม่มีก าหนดเวลา เช่น โทษจ าคุกคลอดชีวิต โทษอกอย่างหนึ่ง คือ
ี
่
โทษในทางทรัพย์สิน ได้แกโทษปรับและริบทรัพย์สิน
การแยกโทษออกเป็นประเภทดังกล่าว นอกจากจะให้ประโยชน์ในเรื่องก าหนดความหนักเบากว่า
กันตามล าดับไว้แล้ว ยังให้ประโยชน์ในการที่ศาลจะใช้ดุลพนิจก าหนดโทษที่จะลงแก่ผู้กระท าผิด
ิ
ให้เหมาะสมแก่ตัวผู้กระท าผิดที่กระท าลงนั้นด้วย การก าหนดให้ลงโทษในทางอาญานี้เฉพาะทางอานาจ
ตุลาการในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ คือเป็นอานาจและหน้าที่ของศาลที่จะลงโทษอาญาได้ตาม
8 อภิวัฒน์ สุดสาว, การก าหนดโทษอาญาตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย,
สืบค้นเมื่อ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔ จาก https://www.senate.go.th/assets/portals/93/fileups
9 ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, กฎหมายอาญาภาคทั่วไป พิมพ์ครั้งที่ ๒๑, (กรุงเทพมหานคร : ส านักพิมพ์วิญญูชน,
๒๕๖๓), หน้า ๒๑๕.
10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘.