Page 184 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 184

๑๗๑


                 จ าคุก กักขัง ปรับ หรือริบทรัพย์สิน ดังนี้ จึงเป็นการดีที่จะใช้การลงโทษเช่นนี้แก้ไขปรับปรุงผู้กระท า

                 ความผิดไปด้วยในตัว เพราะการกระท าความผิดของบุคคลอาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น อุปนิสัย
                 ของผู้กระท าประกอบกับพฤติการณ์ภายนอกแวดล้อม การศึกษาอบรม สภาพเศรษฐกิจสังคม ครอบครัว

                 โอกาสในการกระท าความผิด เป็นต้น ดังนั้น การปรับปรุงแก้ไขบุคคลให้กลับตนเป็นคนดีได้เมื่อพ้นโทษแล้ว

                 จึงเป็นการดีที่สุด และจากการที่ผู้กระท าความผิดแต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกันจึงควรหาวิธีที่เหมาะสม
                 ที่สุดส าหรับเขา ในกรณีต้องโทษจ าคุก การใช้แนวความคิดนี้จะต้องพยายามหลีกเลี่ยงการลงโทษจ าคุกใน

                                          ิ
                                                                 ื่
                 ระยะเวลาสั้น และจะต้องไม่พจารณาว่าเป็นการลงโทษเพอป้องกันทั่วไป ตลอดจนไม่มองถึงความเสียหาย
                 ที่ผู้กระท าได้ก่อขึ้นด้วย ดังนั้น จึงมีจุดบกพร่องอยู่ที่ว่า ถ้าค านึงถึงแต่การแก้ไขตัวผู้กระท าความผิดแต่อย่าง
                                                                                             15
                 เดียว จะท าให้ละเลยผู้เสียหาย สังคมโดยส่วนรวมจะยิ่งกลับกลายเป็นความอยุติธรรมอย่างยิ่ง
                               (๓) เพื่อตัดโอกาสไม่ให้กระท าความผิด (Incapacitation)
                                                                                                       ี
                               ทฤษฎีนี้เน้นการลงโทษที่ท าให้ผู้กระท าความผิดไม่มีโอกาสจะกระท าความผิดอก
                 เพอป้องกันสังคมจากผู้กระท าความผิดโดยแยกผู้กระท าความผิดออกไปจากสังคม อาจเป็นการชั่วคราว
                   ื่
                                                                                                    16
                 เช่น จ าคุก กักขัง หรือเป็นการถาวรได้แก่โทษประหารชีวิต เพื่อมิให้มีโอกาสกลับมากระท าความผิดอีก

                         ๑.๔ โทษปรับ

                         โทษปรับเป็นโทษที่มุ่งประสงค์ในทางทรัพย์สินของผู้กระท าความผิด การก าหนดโทษปรับและ
                 การลงโทษปรับนั้นหลายประเทศมีการพฒนาระบบการลงโทษปรับให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและ
                                                   ั
                                                                                    17
                 สังคมในประเทศของตน การลงโทษปรับในปัจจุบันสามารถแยกได้เป็น ๓ ประเภท  ดังนี้
                               ๑.๔.๑ การปรับตามจ านวนที่กฎหมายก าหนด (Ordinary Fines)

                                 เป็นระบบการก าหนดโทษปรับแบบตายตัว (Fixed Sum System) ซึ่งระบบดังกล่าวได้

                 ให้อานาจศาลในการใช้ดุลพนิจก าหนดช่วงของค่าปรับ กล่าวคือ ศาลจะปรับได้ไม่ต่ ากว่าอตราที่กฎหมาย
                                        ิ

                                                                                            ั
                                       ั
                                                                                    ั
                 ก าหนดและจะต้องไม่เกินอตราที่กฎหมายก าหนดเช่นกัน และศาลจะต้องก าหนดอตราค่าปรับให้เหมาะสม
                 และได้สัดส่วนกับผู้กระท าความผิดแต่ละราย
                               ๑.๔.๒ การปรับโดยก าหนดตามวันและรายได้ (Day Fines )
                                 หลักการส าคัญของระบบปรับโดยก าหนดตามวันและรายได้อยู่บนสมมุติฐานที่ว่า

                                                                          ่
                 ผู้กระท าผิดแต่ละคนมีฐานะทางเศรษฐกิจไม่เท่ากัน การปรับต้องเพงเล็งไปที่ปริมาณวันซึ่งจะน ามาเป็น
                 เกณฑ์ในการปรับไม่ใช่จ านวนเงินซึ่งเป็นค่าปรับ ระบบการปรับโดยก าหนดตามวันและรายได้ท าให้เกิด
                 หลักเกณฑ์ ๓ ประการ คือ





                        15  เรื่องเดียวกัน หน้า ๒๑๘

                        16  เรื่องเดียวกัน หน้า ๒๑๙.
                        17  สกุลรัตน์ ทิพย์บุญทรัพย์, การบังคับคดีอาญา ศึกษาการบังคับโทษปรับ, สืบค้นเมื่อ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๔

                 จาก http://libdoc.dpu.ac.th/mtext/article/422980.pdf
   179   180   181   182   183   184   185   186   187   188   189