Page 189 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 189
๑๗๖
เต็มที่ในการหาเงินมาช าระค่าปรับ มีก าหนดผลร้ายของการไม่ช าระค่าปรับตรงตามก าหนด เช่น ต้องเสีย
ิ่
ดอกเบี้ยเพมขึ้น นอกจากนั้นการบังคับโทษปรับในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝั่งเศสและเยอรมันจะกระท าโดย
ั
ื่
เจ้าหน้าที่องค์กรอนที่ไม่ใช่ศาล เช่น พนักงานอยการ เจ้าพนักงานบังคับคดี เจ้าพนักงานศาล ซึ่งบุคคล
ดังกล่าวมีดุลพนิจในการก าหนดกระบวนการบังคับโทษปรับให้เหมาะสมเพอให้ได้ค่าปรับ และคอยติดตาม
ื่
ิ
28
ให้มาช าระค่าปรับ หากไม่มีการช าระจึงจะบังคับเอากับสิทธิเสรีภาพของจ าเลย นอกจากนั้นบางประเทศ
ศาลอนุญาตให้ผ่อนช าระค่าปรับได้เพอให้โอกาสจ าเลยหาเงินมาช าระค่าปรับก่อนซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์
ื่
ของการลงโทษปรับ
ส าหรับการบังคับโทษปรับตามกฎหมายอาญาไทยนั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง
บัญญัติว่า “ผู้ใดต้องโทษปรับและไม่ช าระค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลพิพากษา ผู้นั้นจะต้องถูก
ยึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สินเพอใช้ค่าปรับ หรือมิฉะนั้นจะต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ
ื่
แต่ถ้าศาลเห็นเหตุอนควรสงสัยว่าผู้นั้นจะหลีกเลี่ยงไม่ช าระค่าปรับ ศาลจะเรียกประกันหรือจะสั่งให้กักขัง
ั
แทนค่าปรับไปพลางก่อนก็ได้” เมื่อพจารณาบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว เห็นได้ว่า เมื่อจ าเลยไม่ช าระค่าปรับ
ิ
กฎหมายให้อานาจศาลสามารถบังคับโทษปรับได้ ๒ วิธี คือ วิธียึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องใน
ื่
ทรัพย์สินเพอใช้ค่าปรับ หรือกักขังแทนค่าปรับ แต่เนื่องจากกฎหมายให้อานาจศาลสั่งให้จ าเลยซึ่งมีฐานะ
ยากจนไม่มีเงินช าระค่าปรับท างานบริการสังคมหรือท างานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับได้ ศาลจึงสามารถ
ใช้วิธีการดังกล่าวแทนการบังคับช าระค่าปรับได้
ค าพพากษาฎีกาที่ ๔๘๙๗/๒๕๕๐ แม้ประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๕
ิ
ิ
วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๒๔๖, ๒๔๗ และ ๒๔๘ เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ให้บังคับคดีโดย
ไม่ชักช้า แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติถึงวิธีการบังคับช าระค่าปรับไว้
โดยเฉพาะแล้ว โดยบัญญัติว่า ผู้ใดต้องโทษปรับและไม่ช าระค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาล
พิพากษา ผู้นั้นจะต้องถูกยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับหรือมิฉะนั้นจะต้องถูกกกขังแทนค่าปรับ แต่ถ้าศาลเห็นเหตุ
ั
อันควรสงสัยว่าผู้นั้นจะหลีกเลี่ยงไม่ช าระค่าปรับ ศาลจะสั่งเรียกประกันหรือจะสั่งกักขังผู้นั้นแทนค่าปรับไป
พลางก่อนก็ได้ และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๘ บัญญัติว่า ค าพิพากษาหรือ
่
ค าสั่งมีผลตั้งแต่วันที่ได้อานในศาลโดยเปิดเผยเป็นต้นไป ดังนั้นหากการบังคับช าระค่าปรับจะกระท าได้
ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว กฎหมายย่อมบัญญัติไว้เช่นนั้นโดยตรง นอกจากนี้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
ั
๒๙ วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติถึงมาตรการชั่วคราวก่อนการบังคับช าระค่าปรับ ถ้าศาลเห็นเหตุอนควรสงสัยว่า
ผู้นั้นจะหลีกเลี่ยงไม่ช าระค่าปรับ ศาลจะสั่งเรียกประกันหรือจะสั่งกักขังผู้นั้นแทนค่าปรับไปพลางก่อนก็ได้
ิ
จึงมีผลว่าศาลอาจมีค าสั่งให้กักขังแทนค่าปรับได้ทันทีตั้งแต่มีคาพพากษา
ค าพพากษาฎีกาที่ ๔๘๙๙/๒๕๕๐ ศาลชั้นต้นพพากษาลงโทษปรับจ าเลย จ าเลยจะต้องช าระ
ิ
ิ
ค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ จ าเลย
ิ
28 สกุลรัตน์ ทิพย์บุญทรัพย์, การบังคับคดีอาญา ศึกษาการบังคับโทษ, สืบค้นเมื่อ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ จาก
http://libdoc.dpu.ac.th/mtext/article/422980.pdf