Page 191 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 191

๑๗๘


                               (๒) ไม่มีคู่มือหรือค าแนะน าในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับมาตรฐานที่ศาลควรน ามาใช้วินิจฉัยว่า

                        ั
                                                                         ื่
                 “มีเหตุอนควรสงสัยว่าผู้นั้น(จ าเลย)จะหลีกเลี่ยงไม่ช าระค่าปรับ” เพอที่ศาลจะสั่งเรียกประกันหรือจะสั่งให้
                 กักขังผู้นั้นแทนค่าปรับไปพลางก่อน ตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่งตอนท้าย
                                    ิ
                               (๓) ค าพพากษาของศาลที่ให้ลงโทษปรับ ศาลมักจะก าหนดว่า “หากไม่ช าระค่าปรับให้
                 จัดการตามมาตรา ๒๙, ๓๐” โดยมิได้มีการกล่าวขยายความหมายว่า หากจ าเลยไม่ช าระค่าปรับแล้วจะ
                 ปฏิบัติอย่างไรต่อไป

                               (๔) ตามแนวทางปฏิบัติของศาล ขาดการประชาสัมพนธ์ให้จ าเลยทราบถึงสิทธิต่าง ๆ เช่น
                                                                          ั
                 การขอเวลาในการหาเงินมาช าระค่าปรับ หรือขอผ่อนช าระเงินค่าปรับ หรือขอวางหลักประกันเพอน าเงิน
                                                                                                 ื่
                 ค่าปรับมาช าระภายในเวลา ๓๐ วัน ตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง หากจ าเลยไม่มีเงินช าระค่าปรับในวันมี

                 ค าพิพากษา
                        จากสภาพปัญหาดังกล่าว ในทางปฏิบัติของศาลที่ผ่านมา เมื่อศาลลงโทษปรับ ไม่ว่าค่าปรับจะมี

                 มากน้อยเพยงใด จ าเลยมักจะไม่ยื่นค าร้องขอเวลาในการหาเงินมาช าระค่าปรับ หรือขอผ่อนช าระเงิน
                           ี
                                           ื่
                 ค่าปรับ หรือวางหลักประกันเพอน าเงินค่าปรับมาช าระภายใน ๓๐ วัน เมื่อจ าเลยไม่ใช้สิทธิดังกล่าวและ
                                                                                    ์
                 ไม่ช าระค่าปรับ เจ้าพนักงานศาลผู้ท าหน้าที่ออกหมายตามผลค าพพากษาจะพมพหมายกักขังแทนค่าปรับ
                                                                       ิ
                                                                                 ิ
                 เสนอให้ศาลลงนามในหมายดังกล่าวทุกคดี เมื่อศาลเห็นว่าจ าเลยไม่ช าระค่าปรับก็จะลงนามในหมายกักขัง
                 แทนค่าปรับ จึงมีผลว่าศาลได้สั่งให้กักขังจ าเลยแทนค่าปรับไปพลางก่อน

                         จากประสบการณ์ในการท างานของผู้ศึกษาพบว่า จ าเลยที่ถูกกักขังแทนค่าปรับในวันพพากษา
                                                                                                  ิ
                                                                                          ้
                 ส่วนใหญ่กระท าความผิดในคดีอาญาความผิดไม่ร้ายแรงและให้การรับสารภาพเมื่อถูกฟอง ซึ่งศาลเห็นว่า
                 จ าเลยไม่สมควรได้รับโทษจ าคุก จึงน าโทษปรับมาใช้ในการลงโทษ โดยศาลอาจก าหนดให้ลงโทษปรับสถาน

                 เดียว หรือน าโทษปรับมาใช้ควบคู่กับจ าคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้ โดยโทษปรับที่ศาลก าหนดมักมีจ านวนไม่
                 สูงมาก ยังอยู่ในวิสัยที่จ าเลยจะหาเงินมาช าระค่าปรับได้ แต่จ าเลยซึ่งมีฐานะยากจนมักไม่สามารถช าระ

                                       ิ
                 ค่าปรับได้ทันในวันที่ศาลพพากษา หรือจ าเลยบางคนแม้พอมีฐานะอยู่บ้างแต่ยังไม่เวลาได้ตั้งตัวเนื่องจาก
                                                                                             ี
                 ไม่อาจล่วงรู้ผลค าพพากษาได้ว่าศาลจะลงโทษจ าคุก หรือปรับ เป็นจ านวนมากน้อยเพยงใด เพราะ
                                  ิ
                                                                                  31
                 ค าพพากษาของศาลเป็นความลับมีผลตั้งแต่วันที่ได้อานในศาลโดยเปิดเผย  นอกจากนั้นในคดีบาง
                                                               ่
                     ิ
                 ประเภท เช่น ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา กฎหมายก าหนดอตราโทษปรับไว้สูงมาก เมื่อ
                                                                                ั
                                ั
                 เปรียบเทียบกับอตราโทษในคดีอาญาความผิดไม่ร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา เช่น ประมวล
                 กฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๒ และ ๒๗๔ ก าหนดอตราโทษจ าคุกไม่เกิน ๑ ปี และปรับไม่เกิน ๒๐,๐๐๐
                                                            ั
                                                        ั
                 บาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ มาตรา ๒๗๓ ก าหนดอตราโทษจ าคุกไม่เกิน ๓ ปี และปรับไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท
                 หรือทั้งจ าทั้งปรับแต่ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๗๐ วรรคสอง และ ๗๐/๑ วรรคสอง

                 ก าหนดอัตราโทษจ าคุก ๓ เดือน ถึง ๒ ปี แต่ก าหนดอัตราโทษปรับถึง ๕๐,๐๐๐ บาท ถึง ๔๐๐,๐๐๐ บาท

                 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมาก ท าให้จ าเลยไม่สามารถช าระคาปรับได้ทันในวันที่ศาลพพากษา จ าเลยบางคนเมื่อศาล
                                                           ่
                                                                               ิ

                        31
                           ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๒, ๑๘๘.
   186   187   188   189   190   191   192   193   194   195   196