Page 290 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 290
๒๗๗
เป็นทางการและเลือกใช้มาตรการที่เหมาะสมมาปฏิบัติกับเด็กและเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและ
ั
ทันเวลาอนจะท าให้เด็กและเยาวชนได้รับประโยชน์สูงสุด และระบบกฎหมายของประเทศไทย
ิ
ยังแตกต่างกับระบบของประเทศแคนนาดา เนื่องในประเทศแคนนาดามีการน ามาตรการพเศษโดย
ไม่ผ่านกระบวนการทางศาล มาบังคับใช้กับทั้งคดีที่ผู้ใหญ่กระท าความผิดและเด็กหรือเยาวชนเป็น
ผู้กระท าความผิด ดังนั้นจึงเป็นที่น่าเสียดายที่ประเทศไทยประกาศใช้พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ย
ิ
ข้อพพาท พ.ศ.๒๕๖๒ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีแนวคิด วัตถุประสงค์ และหลักการเหมือนกับมาตรการ
ทางเลือกอนและมาตรการพเศษในการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนโดยไม่ผ่านกระบวนการทางศาล
ื่
ิ
(Alternative or extrajudicial Measures) แต่กฎหมายนี้มีบทบัญญัติยกเว้นห้ามมิให้น ามาบังคับใช้
กับคดีที่เด็กและเยาวชนที่กระท าความผิดอยู่ในอ านาจฯศาลเยาวชนและครอบครัว
๘๕
๕. บทสรุปและข้อเสนอแนะ
แนวคิดและวัตถุประสงค์ในการด าเนินคดีกับเด็กและเยาวชนผู้กระท าความผิดมุ่งเน้นไปที่
ื้
การแก้ไขฟนฟเด็กและเยาวชนผู้กระท าความผิดกลับตัวเป็นพลเมืองดีและกลับคืนสู่สังคมไปใช้ชีวิตได้
ู
ตามปกติสุขและต้องมีวิธีการปฏิบัติที่แตกต่างไปจากผู้ใหญ่ที่กระท าความผิดเนื่องจากเด็กและเยาวชนยัง
มีวุฒิภาวะแตกต่างจากผู้ใหญ่ จึงมีการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวขึ้นมา แต่ในปัจจุบันแนวคิด
เกี่ยวกับการด าเนินคดีกับผู้กระทาความผิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่ผู้กระท าความผิดเป็นเด็กและเยาวชน
ให้ความส าคัญเกี่ยวกับการผลักดันหรือเบี่ยงเบน (Diversion) ออกจากกระบวนการยุติธรรมตาม
ขั้นตอนปกติ โดยการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนผู้กระท าความผิดโดยไม่ผ่านกระบวนการทางศาล
(Alternative Measures) ในคดีที่เป็นความผิดเล็กน้อย (less serious offenses) เพอเป็นการ
ื่
หลีกเลี่ยงผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนอนเนื่องมาจากการปฏิบัติต่อเด็กและ
ั
เยาวชน อย่างเคร่งครัดโดยกระบวนการทางศาล (Formal Court) เช่น การสร้างตราบาปให้แก่เด็กและ
เยาวชนผู้กระท าความผิด และนอกจากนี้กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นทางการท าให้มีเด็กและเยาวชน
ถูกคุมขังอยู่ในกระบวนการเป็นจ านวนมาก อกทั้งกระบวนนี้ยังให้ความส าคัญกับการเยียวยาผู้เสียหาย
ี
และสังคมที่ได้รับผลกระทบจากความผิดที่เกิดขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ผู้กระท าความ ผู้เสียหายและตัวแทน
ชุมชนเข้ามาพดคุยเจรจากันเพอหาทางออกในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด ประเทศไทยได้รับเอา
ู
ื่
แนวความคิดดังกล่าวมาปรับปรุงระบบกฎหมายมาโดยตลอด โดยเฉพาะมีการประกาศใช้
พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพพาท พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ให้อานาจเจ้าหน้าที่ต ารวจและพนักงานอยการ
ั
ิ
เข้าเจรจาไกล่เกลี่ยและยุติโดยไม่ต้องฟ้องคดีต่อศาล เแต่เป็นที่น่าเสียดายที่มีบทบัญญัติในมาตรา ๘ มิได้
น ากฎหมายฉบับนี้ไปบังคับใช้กับเด็กและเยาวชนที่อยู่ในอ านาจของศาลเยาวชนและครอบครัว จึงท าให้
ในปัจจุบันเจ้าพนักงานต ารวจในชั้นสอบสวนคงมีอานาจใช้ดุลพนิจยุติคดี โดยการว่ากล่าวตักเตือนเด็ก
ิ
และเยาวชนที่กระท าความผิดกฎหมายที่มีโทษปรับเพียงอย่างเดียว หากเด็กและเยาวชนกระท าความผิด
๘๕ พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.๒๕๖๒, มาตรา ๘