Page 364 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 364

351


                                   เมื่อพิจารณาจากสถิติคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมืองในช่วง
               ก่อนปี ๒๕๖๐ พบว่ามีตัวเลขการจับกุมผู้ถูกกล่าวหาหรือจ าเลยได้มีจ านวนสูงกว่าในช่วงหลังปี ๒๕๖๐ แสดง

               ให้เห็นว่าหลังจากปี ๒๕๖๐ มีการจับกุมตามหมายจับของศาลลดน้อยลง สาเหตุหนึ่งน่าจะสืบเนื่องจากเมื่อ

                                                                3
                                                                                                      ้
               วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ มีกฎหมายใหม่ประกาศบังคับใช้  บัญญัติให้อายุความสะดุดหยุดลงเมื่อได้ยื่นฟอง
               คดีต่อศาล และในกรณีผู้ถูกกล่าวหาหรือจ าเลยหลบหนีไปในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล มิให้
               นับระยะเวลาที่หลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ โดยให้ศาลออกหมายจับจ าเลยและให้ผู้ที่มีหน้าที่

               เกี่ยวข้องติดตามจับกุมจ าเลยที่หลบหนี หากไม่สามารถจับจ าเลยได้ภายใน ๓ เดือนนับแต่ออกหมายจับ

                              ิ
               ให้ศาลมีอานาจพจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระท าต่อหน้าจ าเลยที่หลบหนีการประกาศใช้ กฎหมายฉบับ
               ดังกล่าวอาจท าให้เจ้าพนักงานผู้มีอานาจจับกุมท าการติดตามจับกุมผู้ถูกกล่าวหาหรือจ าเลยมาส่งต่อศาล


               น้อยลง เพราะอาจเห็นว่าคดีไม่มีกาหนดอายุความและศาลสามารถพิจารณาคดีและพิพากษาคดีได้โดยไม่ต้อง
               กระท าต่อหน้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจ าเลย ซึ่งขัดวัตถุประสงค์ของกฎหมายในการด าเนินคดีที่แท้จริง คือการได้
                                                                           ี
               ตัวผู้กระท าผิดมาพจารณาโทษ เพอให้หลาบจ า ไม่กล้ากระท าความผิดอก และเป็นเยี่ยงอย่างในสังคมอนจะ
                               ิ
                                                                                                     ั
                                            ื่
               เป็นการป้องปรามการทุจริตในสังคมได้ และผลของการไม่ได้ตัวมาด าเนินคดีท าให้ศาลต้องพจารณาพพากษา
                                                                                                   ิ
                                                                                           ิ
               คดีลับหลังจ าเลย นั้น สุมเสี่ยงที่จะขัดแย้งกับหลักความเสมอภาคในกฏหมายที่บุคคลทุกคนมีสิทธิในการได้รับ
                    ิ
               การพจารณาคดีที่เป็นธรรมและเปิดเผย  โดยเฉพาะในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด ารงต าแหน่งทาง
                                                  4
               การเมือง ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาหรือจ าเลยเป็นข้าราชการระดับสูง นักการเมืองระดับท้องถิ่น และนักการเมือง
               ระดับชาติ ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสาธารณะ และการวินิจฉัยสั่งการใด ๆ จะมีกระทบ
               ต่อทรัพยากรที่ส าคัญของประเทศ การไม่ได้ตัวผู้ถูกกล่าวหาหรือจ าเลยมาเพอพจารณาและบังคับตาม
                                                                                     ิ
                                                                                  ื่
               ค าพพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง จึงนับเป็นปัญหาส าคัญที่จะมีผล
                   ิ
               ท าให้รัฐไม่สามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่ก าลังลุกลามและบั่นทอนการพัฒนาประเทศในปัจจุบันได้

               ๒. บทวิเคราะห  ์

               กฎหมายที่เกี่ยวข้อง


                           ประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๗๘  บัญญัติว่า “ พนักงานฝ่ายปกครองหรือ
                                           ิ
               ต ารวจจะจับผู้ใดโดยไม่มีหมายจับหรือค าสั่งของศาลนั้นไม่ได้ เว้นแต่... (๔) เป็นการจับผู้ต้องหาหรือ จ าเลยที่

               หนีหรือจะหลบหนีในระหว่างถูกปล่อยชั่วคราวตาม







                       3  พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง

               พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๕, ๒๘
                       4  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธสักรราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๗

                         ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ข้อ ๗
                        กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ ๑๔ วรรคหนึ่ง
   359   360   361   362   363   364   365   366   367   368   369