Page 408 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 408
๓๙๕
๓) ยุคกฎหมายเทคนิค (Technical Law) เมื่อสังคมเจริญขึ้นการติดต่อระหว่างคนในสังคม
มีมากขึ้นและใกล้ชิด ซับซ้อนยิ่งขึ้น เครื่องมือเครื่องใช้ในการด่ารงชีวิตก็มีมากขึ้นท่าให้มีข้อขัดแย้ง
ี
ในการด่าเนินชีวิตในสังคมมากขึ้นเช่นกัน กฎเกณฑ์ที่เป็นแต่ขนบธรรมเนียมประเพณีไม่เพยงพอ
ื่
จึงจ่าเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ที่บัญญัติขึ้นมาทันทีเพอแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น กฎหมายจราจร เป็นต้น
กฎเกณฑ์ลักษณะนี้เป็นกฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นเพอวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจงบางอย่างไม่เกี่ยวกับศีลธรรม
ื่
ขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่เกี่ยวกับหลักกฎหมาย แต่เป็นเรื่องที่ชุมชนจะต้องก่าหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมา
ื่
ทันทีทันใดเพอแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าบางอย่าง เรียกว่า “กฎหมายเทคนิค” เทคนิคคือวิธีการที่จะท่า
อะไรบางอย่างให้เกิดผลตามที่ตั้งใจไว้โดยเฉพาะเจาะจง กฎจราจรต้องการให้เกิดความปลอดภัย
ในการจราจร ให้สะดวกในการสัญจรไปมา ไม่ใช่ว่าขับรถทางซ้ายเป็นคนดี ขับรถทางขวาเป็นคนไม่ดี ซึ่ง
ไม่ใช่เรื่องดีชั่ว แต่เป็นเรื่องถูกหรือผิด เพราะเขาก่าหนดไว้อย่างนี้ ถ้าไม่ท่าตามที่ก่าหนดก็ถือเป็น
ความผิด
๒.๔ กฎหมายอาญา
กฎหมายอาญา หมายถึง กฎหมายที่บัญญัติถึงความผิดและโทษ โดยทั่วไปเข้าใจว่าความผิด
อาญาส่วนใหญ่มีลักษณะที่มาจากศีลธรรมหรือเป็นความผิดอยู่ในตัวเอง (mala in se) แต่ก็มิใช่ทั้งหมด
เพราะปัจจุบันคนที่เคร่งครัดในศีลธรรมก็อาจท่าผิดกฎหมายอาญาได้ เช่น ช่วยซุกซ่อนหรือท่าลาย
พยานหลักฐานในการกระท่าความผิด หรือให้การเป็นพยานเท็จต่อศาลเพื่อช่วยเหลือผู้มีพระคุณ เป็นต้น
นอกจากนี้ปัจจุบันมีกฎหมายทางเทคนิคเกิดขึ้นมากจึงมีความผิดตามที่กฎหมายบัญญัติขึ้น (mala
prohibita) เช่น กฎหมายควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ให้ปล่อยสารพิษมาท่าอันตรายแก่ชุมชน
ี
็
และสิ่งแวดล้อม ซึ่งกน่าจะถูกต้องชอบด้วยเหตุผลและศีลธรรมอยู่ในตนเอง แต่ก็มกฎหมายที่ไม่เกี่ยวกับ
ี่
ศีลธรรมเลย เช่น การขับรถต้องมีใบอนุญาตขับข หรือกฎหมายที่เกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร์ ภาษีอากร
เป็นต้น กฎหมายบางฉบับอาจบัญญัติขึ้นด้วยเหตุผลเฉพาะเรื่องราว เช่น กฎหมายว่าด้วยความผิด
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์มีขนเพื่อก้าวให้ทันเทคโนโลยี ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายยังอาจ
ึ้
ก่าหนดให้บุคคลต้องรับผิดทางอาญาโดยเด็ดขาด (Strict liability) โดยไม่ค่านึงถึงเจตนาหรือความ
7
ี
ื่
ประมาทของผู้กระท่า หรืออาจก่าหนดให้ต้องรับผิดในการกระท่าของบุคคลอนอกด้วย ดังนั้น การจะ
ี
ให้ความหมายของความผิดอาญาจึงเป็นเรื่องยาก คงจะต้องวางไว้กว้าง ๆ เพยงว่าการกระท่าใดที่
กฎหมายเห็นว่ากระทบกระเทือนต่อผู้อนหรือความสงบสุขของส่วนรวมอย่างร้ายแรงสมควรได้รับโทษ
ื่
ทางอาญาและจะลงโทษหนักเบาเพยงใด โดยมีวัตถุประสงค์เพอมิให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย
ี
ื่
ื่
ื่
เสรีภาพ ชื่อเสียง ทรัพย์สินของผู้อน เพอรักษาความมั่นคงของรัฐ การปกครอง เพอรักษาความสงบ
ื่
7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๓.