Page 650 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 650
638
มาใช้บังคับกับตัวแทนจ าหน่ายและผู้ให้เช่าซื้อสินค้าให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายได้หรือไม่ เพราะมาตรา ๓๙
ี
้
ใช้ถ้อยค าว่า วิธีการบังคับตามค าขอของโจทก์ไม่เพยงพอที่จะเยียวยาความเสียหายตามฟอง เมื่อศาล
้
ี
้
พิพากษาให้ผู้ผลิตรับผิดตามฟองของโจทก์แล้ว กรณียังจะถือว่าไม่เพยงพอที่จะเยียวยาค่าเสียหายตามฟอง
ของโจทก์ในส่วนของตัวแทนจ าหน่ายและผู้ให้เช่าซื้อสินค้าอกหรือไม่ ซึ่งก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในการ
ี
ที่จะคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากสินค้าช ารุดบกพร่องจากผู้ประกอบธุรกิจคนอน ๆ ที่มีส่วน
ื่
ในการน าสินค้าเข้าสู่ท้องตลาด แต่หากตีความขยายว่าศาลสามารถก าหนดค่าเสียหายภายใต้บริบท
ของมาตรา ๔๑ ได้โดยตรงแล้ว ย่อมจะก่อให้เกิดความแน่นอนที่ผู้บริโภคจะได้การชดใช้ค่าเสียหาย
เมื่อศาลไม่ได้ใช้ดุลพนิจให้ผู้ประกอบธุรกิจเปลี่ยนสินค้าใหม่ให้แก่ผู้บริโภคหรือให้ซ่อมแซมสินค้านั้น
ิ
ี
ทุกกรณี การก าหนดหลักการไว้เช่นนี้ก็เพอให้ผู้บริโภคได้รับการเยียวยาเพยงพอต่อความเสียหาย
ื่
และเป็นการเออต่อการเยียวยาชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคอย่างแท้จริง
ื้
บทสรุปและข้อเสนอแนะ
จากการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาเรื่องขอบเขตของความหมายของคู่สัญญาหรือค านิยามของฝ่าย
ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งควรต้องมีหน้าที่รับผิดต่อผู้บริโภค ปัญหาเกี่ยวกับภาระการพสูจน์ในเรื่องความรับผิด
ิ
ื่
เพอความช ารุดบกพร่องของสินค้า ตลอดจนวิธีการเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้บริโภค ผู้เขียนเห็นว่า
พระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ ไม่ได้ให้ความหมายของฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจตามความเป็นจริง
ิ
เช่นเดียวกับผู้บริโภค ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาในการตีความค าว่า “ผู้ประกอบธุรกิจ” ให้เป็นไปตาม
่
หลักความรับผิดเฉพาะคู่กรณีในสัญญาทางแพง (Privity of Contract) เท่านั้น แม้จะมีค าพพากษาฎีกา
ิ
ได้ตีความขยายความรับผิดของผู้ประกอบธุรกิจออกไปโดยอาศัยพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ
ิ
มาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ แต่ก็ยังเกิดความไม่แน่นอนว่าจะใช้บทบัญญัติดังกล่าวมาปรับใช้ได้ทุกกรณี
หรือไม่ ทั้งที่ความเป็นจริงหากมองเฉพาะตัวสินค้าที่ช ารุดบกพร่องแล้ว เมื่อกระบวนการผลิตหรือบริการ
ที่เกี่ยวกับสินค้าที่มีความช ารุดบกพร่องอยู่ในความรู้เห็นโดยเฉพาะของฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
กับสินค้านั้นตลอดสายโดยตรงอยู่แล้ว ควรต้องถือโดยปริยายว่าผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญาโดยตรง
กับผู้บริโภคมีหน้าที่ต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้บริโภคในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่สินค้าช ารุด
ิ
บกพร่องนั้น โดยไม่จ าเป็นต้องอาศัยหลักตามพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ มาตรา ๑๑
หรือ มาตรา ๑๒ มาปรับใช้แต่อย่างใด ดังนั้น เพอให้ผู้บริโภคสามารถก าหนดตัวบุคคลที่ต้องรับผิดชอบ
ื่
ในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าช ารุดบกพร่องได้โดยง่ายจากข้อความหรือสิ่งบ่งชี้ต่าง ๆ ที่ระบุไว้
ื้
ั
ในตัวสินค้า อนเป็นการเออประโยชน์รวมถึงให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคโดยที่ไม่จ าเป็นต้องแสวงหา
พยานหลักฐานมาใช้ในการฟ้องร้อง จึงควรตีความหมายของค าว่า “ผู้ประกอบธุรกิจ” ตามพระราชบัญญัติ
วิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ มาตรา ๓ ให้ขยายไปถึงคู่สัญญาที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจตามความเป็นจริง
ิ
ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าชิ้นนั้นจนถูกน าเข้าสู่ท้องตลาดและถงมือผู้บริโภค เช่นเดียวกับค านิยามของความหมาย
ึ
่
ของค าว่า “ผู้บริโภค” ที่มองตามความเป็นจริง โดยไม่น าหลักความรับผิดเฉพาะคู่กรณีในสัญญาทางแพง
ิ
(Privity of Contract) มาใช้ตามแนวค าพพากษาฎีกาที่ ๙๐๓๔/๒๕๔๓ หรือควรน ามาปรับใช้ให้ไป