Page 647 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 647
635
กฎหมายสารบัญญัติและแนวคิดความรับผิดโดยเคร่งครัดจึงไม่อาจน ามาปรับใช้กับปัญหานี้ได้โดยปริยาย
ดังนั้น เมื่อค านึงจากการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตหรือจ าหน่ายสินค้าโดยเฉพาะสินค้า
ี
หรือที่ผู้บริโภคไม่สามารถทราบรายละเอยดและขั้นตอนการผลิตสินค้าได้ จึงควรท าการศึกษาและแก้ไข
กฎหมายเพื่อก าหนดความรับผิดของผู้ประกอบธุรกิจในกรณีที่สินค้าเกิดความช ารุดบกพร่องไว้ให้ชัดเจนว่า
ผู้ประกอบธุรกิจต้องรับผิดในความช ารุดบกพร่องของสินค้าที่ไม่เห็นประจักษ์และเกิดขึ้นภายหลังจากวันที่
ส่งมอบด้วย โดยอาจก าหนดไว้ว่าใช้บังคับกับสินค้าใหม่และมีกรอบเวลาไว้ เช่น หากเกิดความช ารุด
บกพร่องภายใน ๑ ปีหลังส่งมอบ หรือภายในก าหนดเวลาที่ผู้ผลิตหรือผู้จ าหน่ายรับประกันคุณภาพสินค้า
ิ
เป็นต้น ซึ่งย่อมจะท าให้บทบัญญัติมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ ที่ก าหนดให้
ิ
ผู้ประกอบธุรกิจมีภาระการพสูจน์ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการผลิต การประกอบ การออกแบบ หรือส่วนผสม
ของสินค้า การให้บริการหรือการด าเนินการใด ๆ ซึ่งศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวอยู่ในความรู้เห็น
โดยเฉพาะของคู่ความฝ่ายที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจ สามารถน ามาใช้บังคับได้สมดังเจตนารมณ์ในการบัญญัติ
กฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อคุ้มครองและเออประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริงและครอบคลุมทุกมิติ
ื้
ปัญหาเกี่ยวกับการก าหนดวิธีการเยียวยาความเสียหายในเรื่องความช ารุดบกพร่อง
ิ
ในการด าเนินคดีแพงมีหลักกฎหมายส าคัญที่ยึดถือกันมานานคือหลักห้ามพพากษาเกินค าขอ
่
่
๓๔
ิ
ิ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๑๔๒ “ค าพพากษาหรือค าสั่งของศาลที่ชี้ขาดคดี
ต้องตัดสินตามข้อหาในค าฟองทุกข้อ ห้ามมิให้พพากษาหรือท าค าสั่งให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจาก
ิ
้
้
ิ
ที่ปรากฏในค าฟอง” โดยมีข้อยกเว้นอยู่บ้างตามที่ปรากฏในบทกฎหมายดังกล่าว หลักห้ามพพากษา
เกินค าขอมีที่มาจากหลักความต้องการของโจทก์ผู้ฟองคดีเป็นหลักที่ใช้กันมานานในระบบกฎหมาย
้
ทั้งทางตะวันตกและในประเทศไทย โดยถือว่าโจทก์มีสิทธิเลือกได้อย่างเต็มที่ในการใช้สิทธิทางกฎหมาย
ว่าต้องการให้อยู่ในขอบเขตเพยงใด ต้องการใช้สิทธิในเรื่องใดและไม่ต้องการในเรื่องใด และศาลซึ่งเป็น
ี
คนกลางไม่ควรให้ในสิ่งที่โจทก์ไม่ต้องการและฝืนความประสงค์ของโจทก์ ตามหลักนี้ฝ่ายจ าเลยเอง
้
ี
ื่
ก็ทราบขอบเขตว่าหากแพคดี จะต้องรับผิดเพยงใดเพอความชัดเจนในการก าหนดทิศทางการต่อสู้คดี
การยกเว้นหลักห้ามพพากษาเกินค าขอในคดีผู้บริโภคมีที่มาตามหมายเหตุท้ายพระราชบัญญัติวิธีพจารณา
ิ
ิ
คดีผู้บริโภคฯ ว่าเป็นเพราะฝ่ายผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ ขาดอานาจต่อรอง ทั้งเป็นฝ่ายถูกเอารัด
เอาเปรียบและตกอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบแก่ฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจ จึงต้องร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้น
เพื่อให้ผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายได้รับการแก้ไขเยียวยาด้วยความรวดเร็ว ประหยัด และมีประสิทธิภาพ
อนเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจหันมา
ั
๓๕
ิ
ั
ให้ความส าคัญต่อการพฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น พระราชบัญญัติวิธีพจารณา
คดีผู้บริโภคฯ จึงสร้างหลักเกณฑ์ให้ศาลพพากษาได้เกินกว่าที่ฝ่ายผู้บริโภคเป็นโจทก์ฟองคดีได้เรียกร้อง
ิ
้
๓๔ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒
๓๕ รังสรรค์ วิจิตรไกรสร, “พิพากษาเกินค าขอในคดีผู้บริโภค” จุลสารศาลฎีกา, ฉบับที่ ๓ (กรกฎาคม - กันยายน ๒๕๖๓) :
น. ๑๒ - ๑๔.