Page 644 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 644
632
ื่
สินค้าระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจเพอหามาตรการเยียวยาจากการขายสินค้าที่บกพร่อง
ิ
ไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะหลักผู้ซื้อต้องระวังนั้น ยังกาหนดให้ผู้บริโภคมีหน้าที่ต้องพสูจน์ถึงความเสียหาย
ที่เกิดขึ้นเอง ท าให้โอกาสที่ผู้บริโภคจะได้รับการเยียวยาจึงมีอยู่น้อยมาก เพราะผู้บริโภคไม่มีเครื่องมือ
ี
ที่มีประสิทธิภาพพอที่จะสามารถใช้พสูจน์ความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากมีความรู้ไม่เพยงพอประกอบกับ
ิ
การพสูจน์ความช ารุดบกพร่องของสินค้านั้นท าได้ยากเพราะเป็นความรู้เห็นโดยเฉพาะของฝ่าย
ิ
ผู้ประกอบธุรกิจเท่านั้น จึงท าให้รัฐต้องเข้ามามีบทบาทในการคุ้มครองการท าสัญญาระหว่างผู้บริโภค
กับผู้ประกอบกิจการเพิ่มมากขึ้น
ื่
ต่อมาเมื่อมีการตราพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ เพอคุ้มครองผู้บริโภคที่อยู่ในฐานะ
ิ
ที่เสียเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ โดยน าหลักความรับผิดโดยเคร่งครัดมาใช้บังคับ โดยหลักนี้เกิดจาก
การตีความของศาลที่ต้องการขยายความคุ้มครองผู้บริโภคให้มากขึ้น ส่งผลให้มีการพัฒนาหลักความรับผิด
ิ
ของผลิตภัณฑ์จากการช ารุดบกพร่องและความไม่ปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ โดยผู้บริโภคไม่จ าต้องพสูจน์
ี่
(Product Liability Law) ซึ่งเป็นหลักทขยายความรับผิดจากหลักความรับผิดเด็ดขาด (Strict Liability Law)
ในทางละเมิด ซึ่งหลักความรับผิดโดยเคร่งครัด หมายถึง ความรับผิดชอบของบุคคลกับความเสียหาย
ที่เกิดขึ้นซึ่งต้องรับผิดเพราะกฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิด ดังนั้น การบัญญัติของกฎหมายว่ากรณีใด
บุคคลต้องรับผิดโดยเคร่งครัด จึงต้องบัญญัติอย่างมีเหตุผลและจ ากัดขอบเขตไว้อย่างเหมาะสม
และควรน ามาใช้ในกรณีที่ยากต่อการพสูจน์หรือหาความผิดของบุคคลใดได้ การบัญญัติกฎหมาย
ิ
๒๘
ตามทฤษฎีความรับผิดโดยเคร่งครัดก็เป็นหลักประกันให้แก่คนในสังคมมิให้ต้องรับเคราะห์กรรม
ซึ่งทฤษฎีความรับผิดโดยเคร่งครัดนี้ เกิดจากแนวคิดทางกฎหมายที่ว่า “ผู้ใดก่อความเสียหาย ผู้นั้นต้องจ่าย”
โดยถือว่าเป็นหน้าที่โดยเคร่งครัดที่ผู้กระท าจะต้องระมัดระวังมิให้การกระท าของตนเป็นเหตุให้ผู้อน
ื่
ได้รับอนตรายหรือได้รับความเสียหาย และเมื่อมีอนตรายหรือความเสียหายเกิดขึ้น ผู้ได้รับความเสียหาย
ั
ั
ั
ก็ไม่จ าเป็นต้องพสูจน์ให้เห็นถึงความสัมพนธ์ระหว่างการกระท ากับผลที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากความจงใจ
ิ
หรือประมาทเลินเล่อหรือไม่ เพยงแต่แสดงให้เห็นว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นจริงก็เพยงพอแล้ว
ี
ี
ิ
ในขณะเดียวกันผู้กระท าเองกลับมีภาระที่ต้องพสูจน์ให้ได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมิได้เกิดจาก
ื่
การกระท าของตน โดยถือว่าเป็นความรับผิดโดยเคร่งครัดที่ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องไม่กระท าให้ผู้อน
๒๙
ได้รับความเสียหายจากการกระท าของตนเอง
ิ
หลักเกณฑ์ตามทฤษฎีนี้มีจุดเด่นตรงที่ช่วยลดภาระการพสูจน์ของผู้บริโภคซึ่งได้รับความเสียหายลงไป
เพราะไม่ต้องมีภาระพสูจน์ถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับความจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้ประกอบธุรกิจ
ิ
ี
โดยผู้บริโภคซึ่งได้รับความเสียหายเพยงแต่พิสูจน์ว่า ความเสียหายเกิดจากการบริโภคสินค้านั้น ทั้งนี้ โดยมีเหตุผล
ที่ส าคัญ ๓ ประการ คือ
๒๘ ภัทรศักดิ์ วรรณแสง, (๒๕๒๗), “ความรับผิดเพื่อละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์,” วารสารนิติศาสตร์.
๒๙ สุนีย์ มัลลิกะมาลย์, (๒๕๓๑), “การศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนทดแทนความเสียหายต่อสุขภาพ
จากมลพิษ,” รายงานผลการวิจัยของคณะนิติศาสตร์ ร่วมกับสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อมและมูลนิธิญี่ปุ่น, น. ๙๘.