Page 640 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 640
628
ิ
๑๙
ส่วนค าพพากษาฎีกาที่ ๗๕๖๑/๒๕๖๑ วินิจฉัยให้ต้องรับผิดโดยอาศัยมาตรา ๑๒ ซึ่งมาตรานี้เป็น
บทบัญญัติที่น ามาใช้กับฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจไม่ใช่ผู้บริโภค เพราะการประกอบธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการผลิต
สินค้าหรือการให้บริการย่อมเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคจ านวนมาก ผู้ประกอบธุรกิจจึงต้องรับผิดชอบต่อ
ความสงบสุขของสังคม มาตรานี้จึงได้วางมาตรฐานในเรื่องความสุจริตของผู้ประกอบธุรกิจไว้สูงกว่า
บุคคลทั่วไป โดยก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องค านึงถึงมาตรฐานทางการค้าที่เหมาะสมภายใต้ระบบ
ธุรกิจที่เป็นธรรม กล่าวคือ ถ้ามาตรฐานทั่วไปในระบบธุรกิจการค้าที่เป็นธรรมมีการปฏิบัติกันอย่างไร
ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น หากไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติต่ ากว่ามาตรฐานดังกล่าว ย่อมถือว่าเป็นการกระท า
โดยไม่สุจริต ดังนั้น ในการประกอบธุรกิจนอกจากผู้ประกอบธุรกิจจะต้องด าเนินการด้วยความซื่อสัตย์
ตรงไปตรงมาต่อผู้บริโภคแล้ว ผู้ประกอบธุรกิจยังต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางการค้าที่ถือว่าเหมาะสม
ิ
๒๐
และเป็นธรรมด้วย ซึ่งจากค าพพากษาฎีกาที่ ๔๕๖๗/๒๕๖๑ เห็นได้ว่า การจะตีความให้ฝ่ายผู้ประกอบ
ธุรกิจต้องรับผิดในความช ารุดบกพร่องของสินค้าต่อผู้บริโภคยังคงต้องถือเอาค ารับรองหรือการกระท าใด ๆ
ิ
ของผู้ประกอบธุรกิจที่มีต่อผู้บริโภคโดยตรงตามมาตรา ๑๑ หรือจากค าพพากษาฎีกาที่ ๗๕๖๑/๒๕๖๑
ที่วินิจฉัยตามมาตรา ๑๒ โดยอาศัยหลักสุจริตของผู้ประกอบธุรกิจที่จะต้องค านึงถึงมาตรฐานทางการค้า
ที่เหมาะสมภายใต้ระบบธุรกิจที่เป็นธรรมมาวินิจฉัยความรับผิด ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่ได้ท าสัญญา
โดยตรงกับผู้บริโภค ซึ่งเกิดความไม่แน่นอนว่าจะใช้บทบัญญัติดังกล่าวมาปรับใช้ได้ทุกกรณีหรือไม่
เพราะสินค้าในท้องตลาดบางชนิดอาจไม่มีค ารับรองหรือการรับประกัน กับทั้งมาตรา ๑๒ ก็ยังคงมีเงื่อนไข
ส าคัญที่ต้องค านึงถึงความสุจริตตามมาตรฐานทางการค้าที่เหมาะสมภายใต้ระบบธุรกิจที่เป็นธรรมเสียก่อน
ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงหรือดุลพินิจของศาล ทั้งทความเป็นจริงหากมองเฉพาะตัวสินค้าที่ช ารุดบกพร่องแล้ว
ี่
เมื่อกระบวนการผลิตหรือบริการที่เกี่ยวกับสินค้าที่มีความช ารุดบกพร่องอยู่ในความรู้เห็นโดยเฉพาะ
ของฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้านั้นตลอดสายโดยตรงอยู่แล้ว ก็ควรต้องถือโดยปริยายว่า
ผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญาโดยตรงกับผู้บริโภคมีหน้าที่ต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้บริโภค
ในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ช ารุดบกพร่องนั้น โดยไม่จ าเป็นต้องอาศัยหลักตามพระราชบัญญัติ
วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคฯ มาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๑๒ มาปรับใช้แต่อย่างใด
ตามที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแนวคิดเช่นเดียวกับที่ใช้บังคับตามพระราชบัญญัติความรับผิดต่อ
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งก าหนดไว้ว่า หากมีผู้ประกอบการใด
เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ไม่ปลอดภัยมากกว่าหนึ่งราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างให้ผลิต ผู้น าเข้า ผู้ขายสินค้า
ที่ไม่สามารถระบุตัวผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างให้ผลิต หรือผู้น าเข้าได้ ผู้ประกอบการทุกคนต้องรับผิดร่วมกัน
ต่อผู้เสียหายในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าไม่ปลอดภัยนั้น เพราะถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นคนส าคัญ
ของระบบตลาด ดังนั้น บุคคลเหล่านี้ต้องร่วมรับผิดในการเสี่ยงภัยทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิต
ผู้ซึ่งอยู่ในฐานะที่สามารถป้องกันไม่ให้สินค้าที่ไม่ปลอดภัยออกสู่ท้องตลาดได้ดีที่สุด นอกจากนี้
๑๙ พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๒
๒๐ ไพโรจน์ วายุภาพ, ค าอธิบายกฎหมายวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค, พิมพ์ครั้งที่ ๔, (กรุงเทพมหานคร : บริษัท
กรุงสยามพับลิชชิ่ง จ ากัด, ๒๕๖๓), น. ๒๘.