Page 643 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 643
631
ปัญหาเกี่ยวกับภาระการพิสูจน์ในเรื่องความรับผิดเพื่อความช ารุดบกพร่องของสินค้า
่
ความรับผิดในเรื่องสินค้าช ารุดบกพร่องมีหลักการส าคัญทางกฎหมายแพงคือ “หลักผู้ซื้อต้องระวัง”
่
(caveat emptor or let the buyer beware) ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์
ลักษณะซื้อขาย ซึ่งหลักดังกล่าวเป็นหน้าที่ของผู้ซื้อที่จะต้องตรวจสอบความช ารุดบกพร่องของสินค้า
และหลังจากที่ได้รับมอบสินค้าไปแล้ว หากสินค้าช ารุดบกพร่องแม้ว่าความช ารุดบกพร่องนั้นจะมีมาจาก
ผู้ขายก็ตาม ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิด กฎหมายให้ตกเป็นพับแก่ผู้ซื้อ หลักนี้มีสาเหตุมาจากสมัยก่อนการซื้อขาย
ส่วนใหญ่มักจะท าต่อหน้าระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ซึ่งก่อนที่ผู้ซื้อจะตกลงซื้อสินค้าและรับมอบสินค้าไปนั้น
ี
ผู้ซื้อมีสิทธิที่จะตรวจตราสินค้าให้ละเอยดถี่ถ้วนได้อย่างเต็มที่ หากพบความเสียหายหรือความช ารุด
บกพร่องผู้ซื้อก็ไม่จ าเป็นที่จะต้องตกลงซื้อสินค้านั้น แต่ในทางกลับกันหากผู้ซื้อพบความช ารุดบกพร่องแล้ว
ยังคงตกลงที่จะซื้อและรับมอบสินค้านั้นไป ย่อมไม่อาจเรียกร้องเอาจากผู้ขายได้ เพราะถือว่าผู้ซื้อเต็มใจ
ที่จะรับสินค้านั้นไปแล้ว หลักการนี้ปรากฏอยู่ในประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ มาตรา ๔๗๓
่
๒๖
ซึ่งบัญญัติเป็นข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ขายไว้ว่า ผู้ขายนั้นไม่ต้องรับผิดในกรณีที่ผู้ซื้อได้รู้อยู่แล้ว
นับแต่เวลาซื้อขายว่าทรัพย์สินที่ซื้อมีความช ารุดบกพร่อง หรือควรจะได้รู้เช่นนั้นหากได้ใช้ความระมัดระวัง
อนพงคาดหมายได้แต่วิญญูชน หรือถ้าความช ารุดบกพร่องนั้นเป็นอนเห็นประจักษ์แล้วในเวลาส่งมอบ
ั
ึ
ั
ิ
และผู้ซื้อรับทรัพย์สินนั้นไว้โดยไม่ได้อดเออน หลักผู้ซื้อต้องระวังนี้จึงก าหนดให้ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องตรวจดู
ื้
ทรัพย์สินที่ซื้อในขณะท าการซื้อขายให้ถูกต้องตรงตามที่ผู้ซื้อต้องการเสียก่อนว่าไม่ช ารุดบกพร่อง
หรือเสียหาย และเมื่อผู้ซื้อรับมอบสินค้ามาแล้ว ย่อมต้องสันนิษฐานว่าผู้ซื้อได้ตรวจสอบความถูกต้องแล้ว
๒๗
ซึ่งหลักดังกล่าวมิได้ก่อให้เกิดการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเพยงพอและเป็นรูปธรรมตามสภาพสังคม
ี
และเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งเป็นการผลักภาระให้กับผู้บริโภคเป็นฝ่ายตรวจสอบสินค้าเองซึ่งก่อให้เกิด
ื้
ความไม่เป็นธรรม เพราะแนวคิดดังกล่าวอยู่บนพนฐานของความเท่าเทียมกันของคู่สัญญา โดยถือว่า
คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายมีอานาจต่อรองที่เท่าเทียมกัน จึงท าให้คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายมีเสรีภาพที่จะตกลง
ท าสัญญาหรือข้อตกลงอย่างไรก็ได้เท่าที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอนดีของประชาชน
ั
ตามหลักเสรีภาพในการท าสัญญา และเมื่อมีการท าสัญญาหรือข้อตกลงใดขึ้นมาแล้ว คู่สัญญาก็ต้องปฏิบัติ
่
ตามสัญญาหรือข้อตกลงนั้นตามหลักความศักดิ์สิทธิ์แห่งการแสดงเจตนา นอกจากนี้ประมวลกฎหมายแพง
ั
และพาณิชย์ยังคงใช้หลักความสัมพนธ์ในทางสัญญาอยู่ (Privity of Contract) อนหมายความว่า ผู้ที่มี
ั
สิทธิเรียกร้องให้ปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงได้จะต้องเป็นคู่สัญญาเท่านั้น บุคคลภายนอกสัญญา
ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่เนื่องจากในปัจจุบันสินค้าหลายประเภทมีกระบวนการผลิตที่สลับซับซ้อน
มากยิ่งขึ้นเกินกว่าการใช้ความระมัดระวังดังเช่นปกติ จึงเป็นเหตุให้ภาครัฐเริ่มเข้ามามีบทบาทในการซื้อขาย
๒๖ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๗๓
๒๗ รติปกรณ์ จงอุตสาห์, (๒๕๖๓), ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคจากการโฆษณาขายสินค้าผ่านสื่อ
ออนไลน์, (การอบรมหลักสูตร “ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล” รุ่นที่ ๑๙ วิทยาลัยข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม สถาบันพัฒนา
ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ส านักงานศาลยุติธรรม), น. ๓๐.