Page 641 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 641
629
ยังหมายความรวมถึงผู้ที่อยู่ในสถานะเสมอผู้ผลิต ได้แก่ บุคคลใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าตนเป็นผู้ผลิตสินค้า
ื่
โดยระบุชื่อเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายอนใดลงบนสินค้า เหตุที่เรียกว่าเป็นผู้อยู่ในสถานะ
เสมือนผู้ผลิตก็เพราะกฎหมายกาหนดให้บุคคลเหล่านี้ต้องรับผิด แม้ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้เป็นผู้ผลิต
สินค้านั้นก็ตาม หลักการส าคัญคือผู้เสียหายจะต้องสามารถก าหนดตัวผู้ผลิตที่ต้องรับผิดชอบ
ในความเสียหายที่เกิดขึ้นได้โดยง่าย และด้วยเหตุผลนี้จึงมุ่งไปที่ข้อความหรือสิ่งบ่งชี้ต่าง ๆ ที่ระบุไว้
ในตัวสินค้าเป็นล าดับแรก กล่าวคือ บุคคลใดที่แสดงตนว่าเป็นผู้ผลิตโดยระบุชื่อเครื่องหมายการค้า
ื่
หรือสัญลักษณ์อนใดของตนบนตัวสินค้าย่อมถือว่าเป็นผู้ผลิตสินค้านั้น ส่วนผู้น าเข้าได้แก่ ผู้น าเข้าสินค้า
เพอการขาย การให้เช่า หรือการจ าหน่ายโดยวิธีการอนใดในทางการค้า บุคคลเหล่านี้ถือว่ามีฐานะ
ื่
ื่
เป็นผู้ผลิตด้วย เพราะผู้น าเข้าเป็นผู้สร้างความเสี่ยงขึ้นด้วยการน าเข้าสินค้าเข้ามาในประเทศ ดังนั้น
ผู้น าเข้าจึงมีหน้าที่ด าเนินการตรวจสอบและทดสอบสินค้าที่ตนน าเข้ามา ส่วนผู้ขายจะมีความรับผิด
้
ก็ต่อเมื่อไม่สามารถระบุตัวผู้ผลิตสินค้าหรือผู้น าเข้าสินค้าได้ โดยผู้เสียหายสามารถฟองร้องผู้ขายสินค้าได้
เพราะผู้ขายสินค้าเป็นผู้ผลิตโดยข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ทั้งนี้ การก าหนดขอบเขตของคู่กรณีฝ่าย
ื่
ผู้ประกอบธุรกิจไว้เช่นนี้ก็เพอไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจยกเหตุดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในการปฏิเสธความรับผิด
ในความช ารุดบกพร่องต่อผู้บริโภคได้
ดังนั้น เมื่อแนวคิดในการคุ้มครองผู้บริโภคในความเสียหายที่เกิดจากสินค้าช ารุดบกพร่อง
ั
และความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัยมีความใกล้เคียงกน ประกอบกับแนวคิดในการคุ้มครอง
ผู้บริโภคมีค าพพากษาฎีกาที่ ๔๕๙๔/๒๕๖๒ สรุปได้ว่า นอกจากพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดี
ิ
๒๑
ิ
ื่
ผู้บริโภคฯ จะถูกบัญญัติขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพอสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นในกระบวนการด าเนินคดี
ระหว่างผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจแล้ว ยังมีหลักการส าคัญที่ถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายฉบับนี้ด้วยคือ
ื่
หลักการไม่เคร่งครัดที่น ามาใช้เพอแก้ไขการตีความหรือการปรับใช้ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์
่
และกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงที่เคร่งครัด ซึ่งบทบัญญัติมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณา
๒๒
่
้
คดีผู้บริโภคฯ ก็อยู่ในบริบทของหลักการดังกล่าวที่ให้อานาจผู้บริโภคสามารถฟองบังคับผู้ประกอบธุรกิจ
้
ให้ช าระหนี้ได้ แม้นิติกรรมที่กฎหมายบังคับให้ท าเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดถึงจะฟองร้อง
บังคับคดีได้จะไม่ได้ถูกท าขึ้น หรือสัญญาที่ไม่ได้ท าตามแบบที่กฎหมายก าหนดไว้หากผู้บริโภคได้วางมัดจ า
หรือช าระหนี้บางส่วน ทั้งยังไม่ให้น าประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๙๔ มาใช้บังคับ
๒๓
่
ิ
้
แก่ผู้บริโภคในการฟองคดีและพสูจน์ถึงนิติกรรมหรือสัญญาที่ท าขึ้นระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจ
ิ
้
แม้บทบัญญัติดังกล่าวจะใช้ถ้อยค าว่า ในการฟองคดีของผู้บริโภค แต่เมื่อพจารณาถึงเจตนารมณ์
ิ
ของกฎหมายที่ไม่เพยงต้องการคุ้มครองผู้บริโภคในฐานะโจทก์เท่านั้น หากยังมุ่งคุ้มครองและเป็นการ
ี
ี
ื้
เออสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้บริโภคในการด าเนินกระบวนพจารณากรณีที่เป็นจ าเลยอกด้วย การตีความ
ิ
การบังคับใช้บทบัญญัติดังกล่าวจึงต้องหมายความรวมถึงการต่อสู้คดีของผู้บริโภคด้วย เพอให้เกิด
ื่
๒๑ ค าพิพากษาฎีกาที่ ๔๕๙๔/๒๕๖๒
๒๒ พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๐
๒๓ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔