Page 645 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 645
633
ื่
๑. เพอผลักภาระในความเสียหายไปยังผู้ประกอบธุรกิจ เพราะผู้ประกอบธุรกิจ
อยู่ในฐานะที่สามารถท าประกันภัยในความเสียหายอันเกิดจากสินค้าได้มากกว่าฝ่ายผู้บริโภค
๒. การก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิด ย่อมเป็นการกระตุ้นให้
ผู้ประกอบธุรกิจระมัดระวังในการผลิตและจ าหน่ายสินค้าในครั้งต่อ ๆ ไปมากยิ่งขึ้น
๓. ผู้เสียหายเป็นบุคคลทั่วไปไม่มีความรู้ในเรื่องของสินค้าที่มีความสลับซับซ้อน
ในกระบวนการผลิต จึงอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบถ้าจะต้องตกเป็นฝ่ายมีภาระในการพิสูจน์ถึงความประมาท
เลินเล่อหรือความจงใจของผู้ประกอบธุรกิจ
ซึ่งหลักความรับผิดโดยเคร่งครัดนี้แม้จะเป็นหลักความรับผิดโดยปราศจากความผิด แต่ก็ไม่ได้
หมายความว่าจะต้องรับผิดในทุกกรณีอย่างเด็ดขาด และเป็นการยกเว้นหลักความรับผิดตามสัญญา
๓๐
ที่มีผลผูกพนเฉพาะคู่สัญญาเท่านั้น เพราะคู่สัญญาต่างมีหน้าที่ซึ่งกันและกัน หากฝ่ายใดไม่ปฏิบัติ
ั
ื่
ตามหน้าที่ย่อมมีความรับผิด ซึ่งโดยหลักทั่วไปแล้ว ผู้ขายไม่ต้องรับผิดในความเสียหายประการอน
ั
อนเป็นผลมาจากสินค้าช ารุดบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นความเสียที่เกิดต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน เมื่อยกเว้น
หลักความรับผิดตามสัญญาแล้ว ย่อมเป็นการก าหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องรับผิดในความเสียหาย
อันเกิดจากความช ารุดบกพร่องที่ท าให้ผู้บริโภคได้รับอันตราย แม้ว่าผู้ประกอบธุรกิจจะไม่ได้มีความสัมพันธ์
ี
ิ
ตามสัญญากับผู้บริโภคก็ตาม อกทั้งพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ นี้ยังได้วางหลักในเรื่อง
๓๑
ิ
ั
การผลักภาระการพสูจน์ข้อเท็จจริงบางประการไปยังผู้ประกอบธุรกิจ อนเป็นข้อยกเว้นหลักทั่วไป
ิ
ในเรื่องของหน้าที่น าสืบและภาระการพสูจน์ในคดีแพง ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง
่
ิ
่
้
๓๒
มาตรา ๘๔/๑ ซึ่งหลักการผู้ใดกล่าวอางผู้นั้นน าสืบจะน ามาใช้เป็นหลักทั่วไปเท่านั้น แต่หากเป็นกรณีที่
จ าเป็นต้องมีการพสูจน์ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การประกอบ การออกแบบ หรือส่วนผสม
ิ
ของสินค้า การให้บริการ หรือการด าเนินการใด ๆ หากข้อเท็จจริงนั้นอยู่ในความรู้เห็นโดยเฉพาะของคู่ความ
ฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจก็จะต้องน าเอามาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ ซึ่งบัญญัติ
๓๓
ิ
ไว้เป็นการเฉพาะมาใช้บังคับ ภาระการพสูจน์ในประเด็นดังกล่าวจึงตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่เป็นผู้ประกอบ
ิ
ธุรกิจ เนื่องจากการจะให้ผู้บริโภคแสวงหาพยานหลักฐานที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผู้ประกอบธุรกิจ
มีความรู้ความเชี่ยวชาญมากกว่าย่อมเป็นไปได้ยาก เช่น การจะพสูจน์ถึงขั้นตอนในการผลิตสินค้านั้นว่า
ิ
ได้มาตรฐานหรือไม่ ผู้บริโภคย่อมไม่สามารถทาได้เพราะเป็นความรู้และความเชี่ยวชาญของผู้ประกอบธุรกิจ
๓๐ องอาจ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, (๒๕๖๐), ปัญหาในการพิจารณาคดีผู้บริโภคเกี่ยวกับความรับผิดต่อความ
ี่
เสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าทไม่ปลอดภัย ศึกษากรณีสินค้าซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ, (การ
อบรมหลักสูตร “ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล” รุ่นที่ ๑๖ วิทยาลัยข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม สถาบันพัฒนาข้าราชการ
ฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ส านักงานศาลยุติธรรม), น. ๑๗.
๓๑ รัฐสภา จุรีมาศ, “มาตรฐานทางกฎหมายต่อความไม่ได้มาตรฐานของสินค้า : ศึกษาประเทศสหรัฐอเมริกาและ
ญี่ปุ่น” วารสารวิชาการ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, ฉบับที่ ๒ (กรกฎาคม – ธันวาคม ๒๕๖๑) : น. ๘๒.
๓๒ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๔/๑
๓๓ พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๒๙