Page 638 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 638
626
ิ
ี
เจ้าของรถยนต์พพาทเพราะเป็นผู้เช่าซื้อมาจากธนาคารอกทอดหนึ่ง แต่โจทก์ในฐานะผู้เช่าซื้อมีสิทธิ
ครอบครองและใช้รถยนต์โดยชอบ และมีหน้าที่รักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและการซ่อมแซมที่ดี
ในขณะที่โจทก์ท าสัญญาซื้อรถจากจ าเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นตัวแทนจ าหน่ายรถยนต์ จ าเลยที่ ๑ ได้ส่งมอบรถยนต์
๑
พพาทแก่โจทก์ก่อนที่โจทก์จะท าสัญญาเช่าซื้อ และจ าเลยที่ ส่งมอบสมุดคู่มือการรับบริการ
ิ
และการบ ารุงรักษาให้แก่โจทก ระบุเงื่อนไขการการรับประกันรถยนต์พพาทตามเงื่อนไขและเวลา โดยระบุ
์
ิ
ชื่อโจทก์เป็นลูกค้าผู้ซื้อ ซึ่งเงื่อนไขการรับประกันดังกล่าว เป็นการจูงใจให้โจทก์เข้าเป็นลูกค้า ข้อตกลง
ดังกล่าวย่อมเป็นสัญญาการให้บริการแม้ไม่ได้ท าเป็นสัญญาการบริการขึ้น แต่ก็ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่ง
ของสัญญาระหว่างโจทก์กับจ าเลยที่ ๑ และผู้ให้เช่าซื้อ โดยผลของพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ
ิ
ิ
มาตรา ๑๑ ส่วนจ าเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิต ประกอบ และจ าหน่ายรถยนต์พพาทแม้จะเป็น
นิติบุคคลต่างหากจากจ าเลยที่ ๑ แต่เมื่อพจารณาเงื่อนไขในการรับประกันแล้ว จ าเลยที่ ๒ ก็มีส่วนในการ
ิ
รับประกันการซ่อมแซม เนื่องจากหากเป็นกรณีที่เกินขีดความสามารถของจ าเลยที่ ๑ ที่จะซ่อมแซมได้
จ าเลยที่ ๒ จะเป็นผู้เข้ามาดูแลมาตรฐานการซ่อมรถยนต์อย่างใกล้ชิด กรณีย่อมถือว่าจ าเลยที่ ๒ ก็เป็น
ั
ผู้ร่วมกับจ าเลยที่ ๑ ในการให้สัญญารับประกันการซ่อมบ ารุงรักษารถยนต์อนเป็นการให้บริการแก่โจทก์
ซึ่งเป็นลูกค้าผู้ซื้อรถยนต์ด้วย จึงต้องถือว่าจ าเลยทั้งสองอยู่ในฐานะเป็นคู่สัญญาฝ่ายที่ให้บริการ
อยู่ในค านิยามของค าว่า “ผู้ประกอบธุรกิจ” ตามกฎหมายวิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ มาตรา ๓
ิ
และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคฯ เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับบริการจากจ าเลยทั้งสองได้รับความเสียหาย
จากการช ารุดบกพร่องเนื่องจากเครื่องยนต์ท างานผิดปกติ คู่สัญญาฝ่ายผู้ให้บริการรับประกันการซ่อมแซม
๑๕
้
จึงต้องรับผิดแก่โจทก์ โจทก์จึงมีอานาจฟองจ าเลยทั้งสอง และมีค าพิพากษาฎีกาที่ ๗๕๖๑/๒๕๖๑ สรุป
ได้ว่า จ าเลยทั้งสามต่างประกอบธุรกิจขายรถยนต์และมีการติดต่อทางธุรกิจกัน โดยรถยนต์พพาท
ิ
เป็นรถยนต์ที่จ าเลยที่ ๓ ซื้อหัวรถและโครงแซสซีมาจากจ าเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นตัวแทนจ าหน่ายของจ าเลยที่ ๑
ิ
มาประกอบเป็นรถยนต์พพาทแล้วขายให้โจทก์ แม้จ าเลยที่ ๓ ผู้ขายจะไม่ใช่ตัวแทนเชิดของจ าเลยที่ ๑
และที่ ๒ และจ าเลยที่ ๑ และที่ ๒ ก็น าสืบปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายรถยนต์พพาท
ิ
ทั้งสองคันก็ตาม แต่จากลักษณะการติดต่อด าเนินธุรกิจของจ าเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งพฤติการณ์ของจ าเลยที่ ๑ และจ าเลยที่ ๒ ที่ยินยอมส่งมอบหัวรถและโครงแซสซีให้จ าเลยที่ ๓
ิ
น าไปประกอบเพอจ าหน่ายแก่ผู้บริโภค เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้บริโภคได้ช าระราคารถยนต์พพาททั้งสองคัน
ื่
แก่จ าเลยที่ ๓ แล้ว สิทธิของโจทก์ที่จะต้องได้รับคู่มือจดทะเบียนและการโอนรถยนต์พพาทย่อมได้รับ
ิ
ความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ มาตรา ๑๒ เรื่องมาตรฐานการประกอบธุรกิจ
ิ
ที่เหมาะสม จ าเลยที่ ๑ และที่ ๒ จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก ์
ิ
ิ
จากค าพพากษาฎีกาดังกล่าวได้ตีความขยายความรับผิดของผู้ประกอบธุรกิจออกไปโดยค าพพากษา
ฎีกาที่ ๔๕๖๗/๒๕๖๑ อาศัยพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดีผู้บริโภคฯ มาตรา ๑๑ ซึ่งมาตรานี้เป็นการ
๑๖
ิ
๑๕ ค าพิพากษาฎีกาที่ ๗๕๖๑/๒๕๖๑
๑๖ พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๑