Page 709 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 709
๖๙๗
เห็นได้ว่าดอกเบี้ยผิดนัดในส่วนที่เป็นเบี้ยปรับนั้นเป็นเสมือนค่าเสียหายในกรณีที่ลูกหนี้ช าระหนี้
ิ
ไม่ถูกต้อง ซึ่งโดยปกติก็ใช้หลักพจารณาที่ว่าคู่สัญญาฝ่ายที่ได้รับความเสียหายจะน าเงินดังกล่าวไปฝาก
ี
ั
ธนาคารแล้วจะได้อตราดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละต่อปีเพยงใดด้วยส่วนหนึ่ง เมื่อภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันเป็นที่
ั
ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่าอตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารมีอตราประมาณร้อยละ ๑ ต่อปี ประกอบกับมาตรา
ั
ิ่
่
ิ่
๒๒๔ วรรคแรกที่แก้ไขเพมเติมตามพระราชก าหนดแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ พ.ศ.
ั
๒๕๖๔ ก็ก าหนดให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดของหนี้เงินในอตราที่ก าหนดตามมาตรา ๕ บวกด้วยอตรา
ั
ิ่
ิ่
ั
เพมร้อยละสองต่อปี จึงเชื่อว่าอตราเพมที่เป็นเบี้ยปรับในอตราร้อยละ ๒ ต่อปี เป็นอตราที่เหมาะสมแล้ว
ั
ั
อย่างไรก็ดีเมื่อกรณีถือว่าเป็นเบี้ยปรับซึ่งศาลฎีกาวางหลักในค าพพากษาที่ ๗๓๒๘/๒๕๔๑ และยึดแนวนี้โดย
ิ
ตลอดแล้วว่า “ข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ยเพมในกรณีลูกหนี้ผิดนัดนั้นเป็นการก าหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้า
ิ่
ในรูปของดอกเบี้ยที่คิดเพมขึ้นจากเดิม ดอกเบี้ยที่คิดเพมขึ้นนี้จึงมีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ ตามประมวล
ิ่
ิ่
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๓๗๙ ซึ่งถาสูงเกินส่วน ศาลมีอ านาจลดลงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและ
้
ั
พาณิชย์ มาตรา ๓๘๓” ดังนั้น อตราเพมอตราร้อยละ ๒ ต่อปี จึงควรเป็นอตรากรอบบนหรือเพดานสูงสุด
ิ่
ั
ั
ิ่
ั
เพอให้ศาลมีดุลพนิจก าหนดอตราเพมดังกล่าวไม่เกินร้อยละ ๒ ต่อปี โดยไม่บังคับตายตัวให้ศาลต้องก าหนด
ื่
ิ
อัตราเพิ่มในอัตราดังกล่าวเท่านั้น
บทสรุปและข้อเสนอแนะ
ผลจากการรวบรวมและวิเคราะห์ตัวอย่างค าพพากษาศาลฎีกาข้างต้นแล้ว ผู้เขียนจึงมีความเห็น
ิ
ั
สรุปและเสนอแนะแนวทางการใช้ดุลพนิจในการพจารณาพพากษาคดีในส่วนที่เกี่ยวกับการก าหนดอตรา
ิ
ิ
ิ
ั
ื่
ึ
ดอกเบี้ยผิดนัดในหนี้เงินรวมถงรูปแบบค าพพากษาเพอให้มีทิศทางเดียวกันหรือใกล้เคียงกนและเหมาะสมกับ
ิ
บริบทของสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนี้
๑. กรณีที่เป็นหนี้เงินที่เจ้าหนี้ไม่อาจเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่าอตราที่ก าหนดตามมาตรา ๗ บวกด้วย
ั
อัตราร้อยละสองต่อปี โดยอาศัยเหตุอย่างอนอันชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่งแห่ง
ื่
ิ่
่
ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ที่แก้ไขเพมเติมใหม่ ก็เป็นกรณีที่บังคับให้ศาลต้องก าหนดดอกเบี้ยผิดนัด
ั
ให้ในอตราร้อยละ ๕ ต่อปี ตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่เมื่ออตราดอกเบี้ยตามมาตรา ๗ อาจมีการทบทวน
ั
ั
ทุกสามปีได้ จึงควรก าหนดถ้อยค าในค าพพากษาเพอให้อตราดอกเบี้ยผิดนัดเปลี่ยนแปลงไปอตรา
ื่
ิ
ั
ั
ที่ถูกทบทวนและไม่เกินค าขอ โดยมีตัวอย่างถ้อยค าว่า “...พร้อมดอกเบี้ยอตราร้อยละ ๕ ต่อปี นับถัดจาก
้
วันฟองเป็นต้นไปจนกว่าจะช าระเสร็จ ถ้ากระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอตราดอกเบี้ยโดยตราเป็น
ั
พระราชกฤษฎีกาเมื่อใด ก็ให้ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ตามค าขอ.”